รีวิว Into the Beat (2020) จังหวะรักวัยฝัน

Into the Beat จังหวะรักวัยฝัน หนังเต้นแนวสตรีทแดนซ์จากประเทศเยอรมันของ Netflix ที่จับเอาเรื่องราวการไต่เต้าสู่ฝันในวงการบัลเลต์มาชนกับสตรีทแดนซ์ อีกหนึ่งหนังเต้นของ Netflix ที่ขยันทำกันออกมาเหลือเกิน (มีแทบทุกเดือน) มาคราวนี้อาจจะดูแตกต่างไปสักนิดเมื่อเป็นของเยอรมันทำ และก็เอาเรื่องราวของวงการบัลเลต์มาเป็นจุดเริ่มต้น เมื่อนางเอก Katya นักเรียนบัลเลต์ที่ทุ่มเทฝึกมาทั้งชีวิตตลอด 15 ปี เพื่อเข้าไปอยู่ในคณะบัลเลต์มืออาชีพตามรอยพ่อและครอบครัว

ที่เป็นนักบัลเลต์ชื่อดังทั้งบ้าน แต่หลังพ่อของเธอประสบอุบัติเหตุบาดเจ็บขณะแสดง และก็ดูเหมือนจะกลับเข้าวงการไม่ได้ เธอซึ่งเป็นตัวแทนความฝันของพ่อกลับเริ่มรู้สึกว่าบัลเลต์ไม่ใช่จุดหมายในชีวิตของเธอ แต่เป็นการต้นฮิปฮอปสตรีทแดนซ์ที่เธอไปพบเจอกลุ่มเพื่อนใหม่โดยบังเอิญ และก็ถูกดึงเข้าสู่โลกของการเต้นอิสระฟรีสไตล์มากกว่าการเต้นที่ถูกกำหนดท่าตายตัวมาอย่างบัลเลต์ที่เธอฝึกมาทั้งชีวิต นี่จึงเป็นจุดเปลี่ยนที่เธอต้องแตกหักกับพ่อ ที่คาดหวังเหลือเกินว่าเธอต้องเข้าวงการบัลเลต์มืออาชีพให้ได้ ดูหนังฟรี

รีวิว Into the Beat (2020) จังหวะรักวัยฝัน

ต้องบอกเลยว่านี่เป็นหนังเต้นที่ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่แม้แต่นิดเดียว พล็อตเรื่องยังคงเป็นไปตามสูตรหนังเต้นอเมริกันที่ผลิตออกมาก่อนจนเลิกฮิตแล้ว สูตรที่ว่าก็คือตัวเอกค้นพบเส้นทางใหม่สายการเต้นแบบนี้ และก็มักเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตวัยรุ่นด้วย เพราะหนังแนวนี้มักใช้ช่วงเวลาค้นหาตัวเองมาเป็นเมนหลักดราม่า ที่ต้องขัดกับครอบครัว คนรัก อดีตเดิม ๆ ที่ไม่ใช่

แนวทางการเต้นแบบนี้ ซึ่งพอเข้ามาเส้นทางนี้ก็จะพบรักกับพระเอก นางเอก ปิ๊งกัน สอนเต้น จับคู่ รักกัน และก็ไปจบที่การร่วมมือกันเต้นประกวด งานแข่ง การคัดตัว อันเป็นไคลแม็กซ์โชว์ท่าเต้นที่ดีที่สุดกับเพลงประกอบเพราะๆ มันส์ ๆ ปิดท้ายเรื่อง ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นไปตามสูตรนี้ทั้งหมด แถมเป็นไปตามลำดับเป๊ะๆ จนดูน่าเบื่อสุดๆ ที่หนังไม่มีอะไรแปลกใหม่มาให้เห็นเลย แม้จะ

รีวิว Into the Beat (2020) จังหวะรักวัยฝัน

วางตัวว่านางเอกเป็นนักบัลเลต์ที่เก่งมาก่อน นึกว่าจะได้เห็นการรวมบัลเลต์เข้ากับสตรีทแดนซ์มาให้ผู้ชมได้ดู แต่กลับไม่มีท่าเต้นที่รู้สึกได้เลยว่ามิกซ์กัน ทั้ง ๆ ที่เรื่องนี้คือนางเอกต้องพยายามคิดท่าเต้นของตัวเองเพื่อให้หลุดจากกรอบของบัลเลต์ที่ฝึกมา แถมท่าเต้นต่างๆ กับเพลงในเรื่องยังไม่มีความโดดเด่นหรือเพลงติดหูเลยแม้แต่ครั้งเดียว ขนาดไคลแม็กซ์ของหนังแนวนี้ที่ว่า

อย่างน้อยต้องเจ๋งในระดับหนึ่ง แต่เรื่องงนี้กลับทำได้จืดสุดๆ เพลงที่ใช้ก็เป็นเพลงช้าเนือยๆ กับท่าเต้นพื้น ๆ ไม่มีความว้าวให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ในบทนี่กลับกลายเป็นว้าวสุดๆ แถมเรื่องนี้ยังไม่มีคู่แข่งเต้นเปรียบเทียบเลยอีกด้วย กลายเป็นหนังเต้นที่ทั้งพระเอกนางเอกก็เต้นแบบจืดๆ กันอยู่สองคนตั้งแต่ต้นจนจบ และก็ไม่ได้มีฉากเต้นมากมาย อาจจะน้อยที่สุดตั้งแต่ดูหนังแนวนี้มาเลยก็ได้ ซึ่งอาจจะเพราะเรื่องต้องแบ่งเวลาไปทางบัลเลต์ด้วย แต่ในส่วนของบัลเลต์เองก็ผิวเผินไม่มีฉากสำคัญอะไรเลยนอกจากนางเอกฝึกซ้อมทั่ว ๆ ไปเท่านั้น

รีวิว Into the Beat (2020) จังหวะรักวัยฝัน

แล้วหนังเหลืออะไรให้พูดถึงบ้าง ก็อาจจจะมีนิดหน่อยในส่วนของความขัดแย้งกับพ่อ ที่กำลังกลายเป็นคนพิการจนทำให้กลับข้าวงการบัลเลต์ไม่ได้ นางเอกโกหกครูฝึกบัลเลต์เพื่อนของพ่อว่าต้องไปดูแลพ่อ แต่เอาเวลามาฝึกซ้อมเต้นกับพระเอกเพื่อลงแข่งคัดตัวเข้าทีมเต้นทึ่หนึ่งของโลกที่พระเอกใฝ่ฝันมาแต่เด็กๆ ซึ่งก็กลายเป็นทั้งคู่ปิ๊งกัน ว่ากันจริงๆ คือนางเอกใจแตกจากที่ไม่

เรื่องย่อ รีวิว Into the Beat (2020) จังหวะรักวัยฝัน

เคยได้ออกมาเที่ยวเล่นอิสระแบบนี้มาก่อน เพราะพ่อเข้มงวดให้ฝึกซ้อมมาทั้งชีวิต เมื่อความแตกว่าเธอโกหกครูและพ่อ การทะเลาะกันเรื่องความฝันที่ต่างกันของทั้งคู่ ก็เลยกลายเป็นยิ่งต่อต้านตัดขาดจากบัลเลต์เข้าไปอีก ซึ่งหนังก็ไม่ได้ทำให้เราอื่นตามได้เลยว่า เด็กสาวที่ฝึกซ้อมบัลเลต์มาทั้งชีวิต แถมรักพ่อมากด้วย ทำไมถึงยอมทิ้งสิ่งเหล่านี้ไปหาสตรีทแดนซ์ที่พึ่งพบเจอ ดูหนังใหม่

 

ไม่กี่วันได้อย่างง่ายดาย ถึงจะใช้คำว่าค้นพบตัวเองมาเป็นเหตุผลก็ตาม แต่ก็ดูไม่สมเหตุผลเลย แถมบทยังปิดปมตรงนี้ได้แย่มาก ด้วยการให้นางเอกทำลายข้าวของในบ้าน ต่อต้านสังคมจนพ่อยอมแพ้ไม่อยากเสียลูกไป แล้วก็เปิดใจแนวทางใหม่ที่ลูกเสนอว่าจะทำอาชีพด้านนี้แทนได้ง่ายๆ จนดูเป็นแนวขายฝันเกินจริงมาก สรุปเลยว่านี่เป็นหนังเต้นที่ไม่มีดีอะไรให้พูดถึงได้เลย อาจจะไม่แย่ แต่ก็ไม่ได้มีดีอะไรให้พูดถึงสักอย่างจริงๆ แนะนำว่าผ่านไปเลยดีที่สุดครับ เพราะเน็ตฟลิกซ์ก็ขยันทำซ้ำแนวนี้ออกมามากเหลือเกินจริงๆ

 

นานแล้วเหมือนกันที่เราไม่ได้เห็นหนังการดวลเต้นสุดมันส์และเร่าร้อนแบบ Step Up ใน หนังชนโรง หรืออาจจะมีแต่ก็ไม่ได้เป็นปรากฏการณ์เท่า วันนี้ผมจะไม่ขอพูดถึงหนังฮอลลีวู้ดและข้ามมาที่ประเทศเยอรมัน ซึ่งมีหนังดวลเต้นเรื่องหนึ่งถ้ามองแค่ในการฉากการดวลเต้น หนังมีสง่าราศีไม่แพ้ Step Up เลย หนังเรื่องนี้มีชื่อว่า “Into the Beat จังหวะรักวัยฝัน”

Into the Beat ภาพยนตร์สัญชาติเยอรมันแนว เขียนบทและกำกับโดย สเตฟาน เวสเตอร์เวลล์ หนังเล่าถึงหญิงสาวที่เติบโตมาในตระกูลนักเต้นบัลเล่ต์ ตั้งแต่เล็กจนโตเธอแทบไม่รู้เลยว่าตัวอย่างอยากเป็นอะไรกันแน่ แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ได้ค้นพบตัวตนเมื่อได้รู้จักกับสถานที่ที่ชื่อ “แบทเทิลแลนด์”

เรื่องราวของ เรื่องนี้เดินเรื่องด้วย คาเทีย นักเรียนบัลเล่ต์ซึ่งเป็นลูกสาวของนักบัลเล่ต์ผู้โด่งดังในประเทศ เหลือเวลาอีก 3 สัปดาห์ที่มหามหาวิทยาลัยนิวยอร์กบัลเล่ต์จะคัดตัวนักศึกษาเข้าเรียน ซึ่งมีที่ว่างเพียง 1 ตำแหน่งเท่านั้น เธอฝึกซ้อมมาอย่างราบรื่นแต่เมื่อวันหนึ่งการแสดงของพ่อเขาเกิดผิดพลาด

เส้นสลิงได้ขาดขณะทำการแสดง ทำให้พ่อของเขาเดินไม่ได้และนั่นจะทำให้เขาไม่สามารถทำอาชีพได้อีกเลย แรงกดดันทางอาชีพจึงมาตกอยู่ที่คาเทียที่เธอจะต้องห้ามพลาดในการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยเด็ดขาด คืนหนึ่งเธอรูสึกเครียดเป็นอย่างมากจึงออกไปปั่นจักรยานเพื่อระบายความกดดันนั้น แต่จักรยานของเธอพัง คาเทียนั่งที่ริมถนนอย่างสิ้นหวัง

สักพักมีสาวแต่งตัวสุดเปรี้ยวในวัยใกล้เคียงกันเข้ามาถามว่าเธอเป็นอะไรมากหรือเปล่าพร้อมกับอาสาที่จะซ่อมจักรยานให้เธอ เธอพาคาเทียไปที่ผับแห่งหนึ่งชื่อ “แบทเทิลแลนด์” ซึ่งเป็นพื้นที่ให้นักเต้นทั้งหลายมาแบทเทิลกัน วันต่อมาคาเทียได้กลับไปที่นั่นอีกครั้งเพื่อไปเอาจักรยาน

เธอได้รู้ว่านี่คือชุมชนที่เหมาะกับเธอมากๆ และได้ฝึกเต้นกับผู้หญิงที่นั่นอย่างกลมกลืน ทำให้เธอโดดเด่นและเป็นที่รู้จักจากคนในชุมชนนั้นได้เพียงวันเดียว แบทเทิลแลนด์ได้ปลดปล่อยพลังเต้นบางอย่างในตัวเธอและทำให้เธอไขว้เขวในเส้นทางที่ถูกกำหนดไว้

รีวิว Into the Beat (2020) จังหวะรักวัยฝัน

เมื่อวันคัดเลือกมาถึง คาเทีย เธอแสดงผิดพลาดอย่างน่าผิดหวัง พ่อของเธอแทบไม่คุยกับเธอหลังจากนั้น แต่เธอได้รับการเยียวจากแบทเทิลแลนด์ เธอมีแพชั่นกับที่นี่มากกว่าการเต้นบัลเล่ต์ ที่นั่นเธอพบกับหนุ่มคนหนึ่งชื่อ คาฮีม ที่คอยสอนเธอเต้นและชี้แนะให้เธอคิดท่าเต้นขึ้นมาด้วยตัวเอง รีวิวหนัง

ทั้งคู่สนิทสนมและพัฒนาความสัมพันธ์ คาเทียได้ใช้การเต้นบัลเล่ต์มาดัดแปลงกับการเต้นฮิปฮอปจนกลายเป็นสไตล์ของตัวเอง เธอและคาฮีมได้กลายเป็นคู่รักและคู่หูนักเต้นที่เป็นที่นิยมในเมือง เมื่อพ่อของคาเทียได้มาดูเธอแสดง เขาก็ยอมรับในตัวเธอในที่สุด

ผมรู้สึกว่า เรื่องนี้มีเนื้อหาเหมือนหนังวัยรุ่นทั่วไปจนอาจจะน่าเบื่อถ้าหากไม่ได้เสน่ห์ของนักแสดงที่คอยแบกหนังไว้ หนังวัยรุ่นทั่วไปที่ว่านั้นหมายถึง เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งถูกบังคับให้ทำตามความฝันของพ่อแม่ แต่แล้ววันหนึ่งเด็กคนนั้นก็ไปเจอกับบางสิ่งที่ทำให้ค้นพบตัวตนที่แท้จริงหรือ

สิ่งที่ตัวเองมีแพชั่นกับมันซึ่งขัดแย้งต่อเส้นทางที่พ่อแม่กำหนดไว้ พวกเขาจะต้องเอาชนะมันด้วยการฝึกฝนตัวเองให้เป็นที่ 1 ถึงจะสามารถทำให้พ่อแม่ยอมรับในตัวพวกเขาได้ ซึ่งหนังเหล่านี้เหมือนจะเป็นหนังให้กำลังใจที่ดีกับวัยรุ่นหลายๆ คน แต่โดยส่วนตัวผมรู้สึกว่าที่ 1 มันมีที่ว่างให้แค่คนเดียว

แล้วถ้าหากเด็กคนหนึ่งที่เลือกในเส้นทางที่ตัวเองชอบแต่เกิดผิดพลาดระหว่างทาง เขาอาจจะเป็นที่ 3 ที่ 4 หรือที่โหล่ อาจจะเป็นจุดที่ทำให้เขาบั่นทอนมากๆ โดยเฉพาะมาดูหนังเรื่องนี้ ที่นางเอกผู้มีพรสวรรค์และกลายเป็นที่ 1 ในสิ่งที่เธอเลือก ในโลกความเป็นจริงมันจะมีสักกี่คนกันที่โชคดีแบบเธอ แต่ถ้าหากไม่คิดอะไรมากและดื่มด่ำกับท่าเต้นสุดบรรเจิดที่หนังได้สรรค์สร้างให้เราดู ก็จะเป็นหนังเต้นที่ดูสนุกเรื่องหนึ่ง

Into the Beat | จังหวะรักวัยฝัน (2020) นานแล้วเหมือนกันที่เราไม่ได้เห็นหนังการดวลเต้นสุดมันส์และเร่าร้อนแบบ Step Up ใน หนังชนโรง หรืออาจจะมีแต่ก็ไม่ได้เป็นปรากฏการณ์เท่า วันนี้ผมจะไม่ขอพูดถึงหนังฮอลลีวู้ดและข้ามมาที่ประเทศเยอรมัน ซึ่งมีหนังดวลเต้นเรื่องหนึ่งถ้ามองแค่ในการฉากการดวลเต้น หนังมีสง่าราศีไม่แพ้ Step Up เลย หนังเรื่องนี้มีชื่อว่า

“Into the Beat จังหวะรักวัยฝัน”   Into the Beat ภาพยนตร์สัญชาติเยอรมันแนว หนังดราม่า Drama เขียนบทและกำกับโดย สเตฟาน เวสเตอร์เวลล์ หนังเล่าถึงหญิงสาวที่เติบโตมาในตระกูลนักเต้นบัลเล่ต์ ตั้งแต่เล็กจนโตเธอแทบไม่รู้เลยว่าตัวอย่างอยากเป็นอะไรกันแน่ แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็ได้ค้นพบตัวตนเมื่อได้รู้จักกับสถานที่ที่ชื่อ “แบทเทิลแลนด์”   เรื่องราวของ หนังชนโรง

เรื่องนี้เดินเรื่องด้วย คาเทีย นักเรียนบัลเล่ต์ซึ่งเป็นลูกสาวของนักบัลเล่ต์ผู้โด่งดังในประเทศ เหลือเวลาอีก 3 สัปดาห์ที่มหามหาวิทยาลัยนิวยอร์กบัลเล่ต์จะคัดตัวนักศึกษาเข้าเรียน ซึ่งมีที่ว่างเพียง 1 ตำแหน่งเท่านั้น เธอฝึกซ้อมมาอย่างราบรื่นแต่เมื่อวันหนึ่งการแสดงของพ่อเขาเกิดผิดพลาด เส้นสลิงได้ขาดขณะทำการแสดง ทำให้พ่อของเขาเดินไม่ได้และนั่นจะทำให้เขาไม่

สามารถทำอาชีพได้อีกเลย แรงกดดันทางอาชีพจึงมาตกอยู่ที่คาเทียที่เธอจะต้องห้ามพลาดในการคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยเด็ดขาด คืนหนึ่งเธอรูสึกเครียดเป็นอย่างมากจึงออกไปปั่นจักรยานเพื่อระบายความกดดันนั้น แต่จักรยานของเธอพังต้องบอกเลยว่านี่เป็นหนังเต้นที่ไม่ได้มีอะไรแปลก

ใหม่แม้แต่นิดเดียว พล็อตเรื่องยังคงเป็นไปตามสูตรเต้นอเมริกันที่ผลิตออกมาก่อนจนเลิกฮิตแล้ว สูตรที่ว่าก็คือตัวเอกค้นพบเส้นทางใหม่สายการเต้นแบบนี้ และก็มักเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตวัยรุ่นด้วยเพราะหนังแนวนี้มักใช้ช่วงเวลาค้นหาตัวเองมาเป็นเมนหลักดราม่า ที่ต้องขัดกับครอบครัว คนรัก อดีตเดิม ๆ ที่ไม่ใช่แนวทางการเต้นแบบนี้ ซึ่งพอเข้ามาเส้นทางนี้ก็จะพบรักกับพระเอก นางเอก ปิ๊งกัน สอนเต้น จับคู่ รักกัน

และก็ไปจบที่การร่วมมือกันเต้นประกวด งานแข่ง การคัดตัว อันเป็นไคลแม็กซ์โชว์ท่าเต้นที่ดีที่สุดกับเพลงประกอบเพราะๆ มันส์ๆ ปิดท้ายเรื่อง ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นไปตามสูตรนี้ทั้งหมด แถมเป็นไปตามลำดับเป๊ะๆ จนดูน่าเบื่อสุดๆ ที่หนังไม่มีอะไรแปลกใหม่มาให้เห็นเลย

แม้จะวางตัวว่านางเอกเป็นนักบัลเลต์ที่เก่งมาก่อน นึกว่าจะได้เห็นการรวมบัลเลต์เข้ากับสตรีทแดนซ์มาให้ผู้ชมได้ดู แต่กลับไม่มีท่าเต้นที่รู้สึกได้เลยว่ามิกซ์กัน ทั้งๆ ที่เรื่องนี้คือนางเอกต้องพยายามคิดท่าเต้นของตัวเองเพื่อให้หลุดจากกรอบของบัลเลต์ที่ฝึกมา

แถมท่าเต้นต่างๆ กับเพลงในเรื่องยังไม่มีความโดดเด่นหรือเพลงติดหูเลยแม้แต่ครั้งเดียว ขนาดไคลแม็กซ์ของหนังแนวนี้ที่ว่าอย่างน้อยต้องเจ๋งในระดับหนึ่ง แต่เรื่องงนี้กลับทำได้จืดสุดๆ เพลงที่ใช้ก็เป็นเพลงช้าเนือยๆ กับท่าเต้นพื้นๆ ไม่มีความว้าวให้เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว

แต่ในบทนี่กลับกลายเป็นว้าวสุดๆ แถมเรื่องนี้ยังไม่มีคู่แข่งเต้นเปรียบเทียบเลยอีกด้วย กลายเป็นหนังเต้นที่ทั้งพระเอกนางเอกก็เต้นแบบจืดๆ กันอยู่สองคนตั้งแต่ต้นจนจบ และก็ไม่ได้มีฉากเต้นมากมาย อาจจะน้อยที่สุดตั้งแต่ดูหนังแนวนี้มาเลยก็ได้ซึ่งอาจจะเพราะเรื่องต้องแบ่งเวลาไปทางบัลเลต์ด้วย แต่ในส่วนของบัลเลต์เองก็ผิวเผินไม่มีฉากสำคัฐอะไรเลยนอกจากนางเอกฝึกซ้อมทั่วๆ ไปเท่านั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *