รีวิว เทพบุตร หรือ นักฆ่า บอกมาซะดีดี
วันนี้ได้มีโอกาสไปดูหนังเรื่องนี้ที่ Paragon มา ก่อนอื่นเลยที่ดูเพราะว่า นับถือผกก. Robert Luketic มาก เพราะชอบผลงานอย่าง 21 เเละ The Ugly Truth ขั้นมาก เรื่องนี้จึงได้มา + มี Heigl เเล้วยิ่งอยากดูเข้าไปใหญ่เลยครับ เเล้วหนังเป็นอย่างไรไปดูกันเลยนะเรื่องนี้ ดูหนังฟรี
Killers เรื่องราวของพ่อเทพบุตรสุดหล่อ ที่โชว์กร้ามอยู่ดีอย่าง สเปนเซอร์ (เเอชตัน คุชเชอร์) ที่ได้มาทำงานภารกิจสุดโหด นั้นคือสังหารเจ้าพ่อมาเฟียอะไรสักอย่าง เพราะเขานั้นคือ Spy เเต่งานต้องมาสะดุดเมื่อมาเจอ สาวโสด สุดโก๊ะอย่าง เจนนิเฟอร์
(เเคททารีน ไฮเกิล) เเละทั้งคู่ได้ตกหลุมรักกัน ซึ่ง สเปนเซอร์ นั้นได้พยายามบอกเธอเเล้วว่าเขานั้นเป็น Spy เเต่ตอนบอกเธอดันหลับซะงั้น เมื่องานสังหารโหดครั้งนี้จบลง เขาเลือกที่เลือกงานนี้เป็นงานสุดท้าย เขาจึงลาออกเเละไปเเต่งงานอยู่อย่างมี
ความสุขกับ เจนนิเฟอร์ 3 ปีให้หลังนั้น มีภารกิจกลับมาหาเขาอีกครั้ง เเต่ครั้งนี้มันววุ่นวาย เเละ ซับซ้อน มาก เพราะเขานั้นได้เป็นฝ่ายโดนล่าจาก นักล่าหัว 15 คน ซึ่งมีเขาเป็นค่าหัว 20 ล้าน ตัวบงการนั้นจะใช้บอสเก่าของเขาหรือไม่ ไปติดตามดูกันเอง (หนังเรื่องนี้ได้เรทจากไทยไป น.15+ ซึ่งก็สมควรเเล้ว เพราะหนังมันโหด + ทะลึ่งหน่อยๆ)
ก่อนอื่นเลย ก่อนจะไปดูเรื่องนี้ผมทำใจเเบบว่า ยอมรับความผิดหวังไว้อย่างมาก เหตุผลมีหลายข้อ อย่างเเรกเลยคือ เวบวิจารณ์บ้านๆอย่าง IMDB นั้น ผู้ชมธรรมดาที่ไม่ใช่นักวิจารณ์ยังได้รวมๆไปเเค่ 3.9 คะเเนนเอง ส่วน Rotten Tomatoes นี้ไม่ ต้องพูดถึงเลย
เรื่องย่อ รีวิว เทพบุตร หรือ นักฆ่า บอกมาซะดีดี
ได้น้อยกว่า The Bounty Hunter อีก Bounty Hunter นั้นได้จาก มะเขือเน่า ไป 08% ส่วนเรื่องนี้นั้นได้ไปเเค่ 06% สงสัยได้เข้าชิง Razzie เเน่ๆ เเล้วยังมาซ้ำเติมด้วย คะเเนน 1 ดาวครึ่ง จาก “ผมอยู่ข้างหลังคุณ” อีก เตรียมตัวเตรียมใจก่อนเข้าไปดู เเต่พอเข้าไปดูเป็นอย่างไร เดี๋ยวเราค่อยมาพูดถึง ดูหนังใหม่
เรื่องนี้ได้ผู้กำกับ Robert Luketic ผู้กำกับหนังพนันสุดดัง สุด Hot ใน USA อย่าง 21 นั้น ซึ่งเรื่องนี้อยากบอกว่าเป็นเรื่องที่ทำให้ผมรู้จักผู้กำกับเลยละครับ (ที่จริงเขามีผลงานอย่าง Legally Blonde มาก่อนเเล้ว เเต่เนื่องจากผมไม่เคยดูเรื่องนี้นะ ตอนนี้ก็
ยังไม่ได้ดูเลย เพราะคำชมไม่ค่อยเยอะนัก) เพราะมันเป็นหนัง พนัน ที่ดูเพลินเเละผมชอบมากกว่า Ocean’s Thirteen ซะอีก สำหรับผมนะครับ ส่วนเรื่องต่อมาอย่างหนังตลก ทะลึ่ง อย่าง The Ugly Truth ที่เรื่องนี้ทำให้ผม ทวีคูณ ความชอบผู้กำกับคนนี้เข้าไปอีก เพราะหนังมันเเบบว่า
สุดยอดครับ ตลกขั้นเทพ + เเคททารีน ไฮเกิล นี้น่ารักมากๆ พอมาเรื่องนี้อยากบอกว่า การเปลี่ยนเเนวมาทำ Action + Romance นั้นทำได้ดี โดยเฉพาะฉากเเอ็คชั่นที่เด็ดมากกว่า หนังเเอ็คชั่นจริงๆ บ้างเรื่องซะอีก (เพราะเรื่องนี้มัน Action + Comedy + Romance หนิเนอะ) ส่วนฉากตลกในเรื่องนี้อยากบอกว่า น้อยมาก น้อยไม่พอบางมุขยังออกเเนวเเบบว่าตลกเเบบ “เหอๆ” ด้วย
ถ้าให้พูดโดยรวมของหนังเรื่องนี้เลยคือ ผู้กำกับ ฝีมือตก อย่างมากในด้านความตลก เพราะผลงานอย่าง The Ugly Truth มันตลกซะเด็ดดวงจริงๆ เเต่เรื่องนี้ไม่รู้จะเน้นอะไรนะ เเต่เเค่อยากบอกว่า ฉากตลก นั้นเอาเเบบฮาให้ตกเก้าอี้ เหมือนฉาก
ถูขา ใน Ugly Truth ได้ไหม หรือว่าอีกเหตุผลเรื่องนี้ได้เรต PG-13 จึงทำมุขตลกอะไรไม่ได้มากนัก เเต่ยังไงซะผมก็ยังอยากชมผู้กำกับเรื่อง เนื้อเรื่อง ที่ทำออกมาเเหวกเเนวจากหนังเเนวนี้ (ถ้าเเนว Spy มีกิ๊กอะไรเเบบนี้ก็จะโดนตามล่าเพราะว่า ที่ทำงาน ไม่ให้
รีวิว เทพบุตร หรือ นักฆ่า บอกมาซะดีดี
ลาออก หรือไม่ก็ เเต่งงาน ไปด้วย ทำงานไปด้วยจนเกิดเรื่อง) เเต่อันนี้ไม่ใช่อย่างงั้น เพราะอันนี้เขาถูกตามล่าโดยใครไม่รู้ ที่โดนสั่งมาจาก…(สปอยล์มากไม่ได้ อยากให้ไปดูเอง) ผมจึงรู้สึกชอบมากกว่าเรื่องอื่น อีกอย่างที่อยากชมคือ ฉากเเอ็
คชั่น ซึ่งมันไม่ได้เด็ดอะไรมากมายนะ เเต่ด้วยความที่ ผู้กำกับ คนนี้เขาเคยทำเเต่งานพวก Romantic + Comedy หรือไม่ก็ Drama + Thirller (เช่น 21) เเล้วเขาได้เปลี่ยนเเนวมายัด เเอ็คชั่น เเบบนี้ เเถมยังดูได้ด้วย รีวิวหนัง
ไม่ได้น่าเบื่อมากนัก ผมอยากชมเขาเรื่องนี้เเหละครับ อาจจะมาถูกทางนะ ถ้าให้ทำหนัง เเอ็คชั่น + คอมเมดี้ เพราะอีกอย่างที่ช่วยฉากเเอ็คชั่นไว้ได้ดีเลยคือ เพลงประกอบหนังเรื่องนี้ (Score) ที่เเต่งโดยใครไม่รู้ เเต่กวนตีน ได้ใจครับ ฉากเเอ็คชั่น เเต่มาใช้เพลงประกอบ เเบบโคตร หน่อมเเน้ม เเบบนี้ถูกใจผมเลยหละครับ อยากบอกจริงๆ
เรื่องนี้ได้พระเอกหนุ่มหล่ออย่าง Ashton Kutcher ที่โชว์กล้ามอยู่ได้ มาเเสดงนำในเรื่อง ซึ่งก่อนอื่นเลย ผมดูก็รู้เเหละ ว่า เคมี ของทั้งคู่ไม่ตรงกัน ทั้งที่เท่าที่ผมไปอ่านดู ก่อนจะมาเเสดงด้วยกัน Ashton Kutcher ได้เอา DVD หนังเรื่อง Spred มาให้ เเคท
ทารีน ไฮเกิล ดูก่อน จะได้วางตัวกันถูกเพื่อให้ เคมี นั้นดึงดูดเข้าด้วยกัน เเต่ผมรู้สึกว่ามันไม่มีผลอะไร เพราะ Kutcher ก็ยังเป็น Kutcher วันยังค่ำ การเเสดงของเขาเหมือนกันทุกเรื่องเเหละ ยกเว้น The Butterfly Effect ที่ชอบการเเสดงของเขา
เป็นพิเศษ การเเสดงของเขาไม่ได้ว่าเเย่ เเต่ไม่ค่อยชอบ โดยเฉพาะในบท Spy ด้วยเเล้วยิ่งไม่เหมาะ เพราะหน้าตาเขาออกเเนว ทะเล้นๆ ดูไม่ได้เท่ (หล่อ กับ เท่ คนละความหมายกันนะจ๊ะสาวๆ) โดยสรุปเเล้ว ผู้ชายคนนี้ ถูกผลิตมาให้สาว ๆ ดู
อย่างเดียวเลย ส่วนนางเอกในเรื่องนี้นั้น ได้สาวสวยขวัญใจผมอย่าง Katherine Heigl ที่ชอบเธอมาจาก Grey’s Anatomy ที่รับบทเป็น หมออิซซี่ ที่โคตรจะ เซ็กซี่ เรื่องนี้ได้รับบท โก๊ะ กว่าเดิม (หลังจากเคย บ๊องๆ ใน the Ugly Truth) เเละเป็นการร่วมงานครั้งที่ 2
กับผู้กำกับ Robert Luketic สงสัยผกก.จะติดใจอะไรในตัว Heigl รึป่าว จะคอยดูว่าจะร่วมงานกันถึง 5-6 เรื่องเหมือนพวก Ridley Scott เเละ Russell Crow หรือ Micheal Caine เเละ Christofer Nolan รึป่าว เรื่องนี้ไม่รู้เเหละครับ เเต่รู้ว่าเรื่อง
นี้”อกเธอโต” มากๆ โตเเบบสุดยอดเลยครับ ไม่รู้ไปทำอะไรมา เเถมยังดู บ๊องๆ เเบบน่ารักๆด้วย เเต่รู้สึกไม่ชอบ ทรงผม ในเรื่องนี้เเหะ ในตอนต้นเรื่องก็ดีนะ เเต่หลังๆนี้ไม่ไหวจะเคลียร์ โดยรวมเเล้ว ชอบครับ เธอคนนี้ น่ารัก ต๊องได้ใจ