รีวิว หนุ่มกิ๊กสาวกั๊ก สมการรักไม่ลงตัว
ในวันหยุดที่เราควรหาความสุขใส่ตัวเองเสียบ้าง ผมเลือกที่จะดูหนัง แม้ว่ามันจะเป็นหนังที่ผมเคยดูมันแล้ว แต่ผมคิดว่า ผมยังไม่ค่อยเข้าใจมันมากพอ จึงเลือกหยิบมันขึ้นมาดูอีกครั้ง จนคิดว่า พอจะเข้าใจหนังจนเขียนมันออกมาได้ จึงได้เลือกจะเขียนถึงมันในวันนี้ He’s Just Not That Into You นั่นไง ดูหนังฟรี
ภาพยนตร์ที่ปรับเนื้อหามาจากหนังสือสองเล่ม รูปแบบการดำเนินเรื่องจึงเหมือนหนังสือเล่มหนึ่งที่อ่านเป็นภาพเคลื่อนไหว เริ่มต้นด้วยความคิดของผู้หญิงหลายๆ คนที่มักได้รับการบอกเล่าว่า หากผู้ชายแสดงอาการและพูดไม่ดีกับเธอ นั่นเพราะเขาชอบเรา มันดูแปลกๆ เนอะ ว่ามั้ย
จีจี้ (Ginnifer Goodwin) นัดบอดเจอกับคอนเนอร์ (Kevin Connolly) คนที่เขาก็ดูไม่สนใจเธอเท่าไหร่ แต่เธอกลับอ่านสัญญาณว่ามันเป็นนัดที่ดีมากเลย หลังจากเดท คอนเนอร์ก็โทรคุยกับเพื่อนสาวนักร้องตกอับอย่าง แอนนา (Scarlett Johansson) ต่อเลย ในขณะที่เธออยู่ในร้านขายของชำ ที่เธอได้พบกับน้ำใจของผู้ชายใจดีในนั้น เขาคือ เบน (Bradley Cooper)
คอนเนอร์ กลับบ้านก็เจอ อเล็กซ์ (Justin Long) ที่มาดูทีวีในบ้านเขา คอนเนอร์ดูเซ็งๆ ที่แอนนาไม่ยอมโทรกลับตามที่บอกไว้ ดูเหมือนแอนนาจะปิ๊งหนุ่มคนใหม่ซะแล้ว ขณะที่อเล็กซ์ก็ทำตัวเป็นกูรูด้านความรักไปเสียหมดกับทุกคนจริงๆ และยังทำตัวเป็นเพลย์บอยผู้ยังไม่คิดลงหลักปักฐานกับใคร ขณะที่เบนประกาศตัวออกมาโต้งๆ กับแอนนาเลยว่า เขาแต่งงานแล้ว… มาที่อีกคู่หนึ่ง เบธ (Jennifer Aniston) กับ นีล (Ben Affleck) คู่นี้อยู่ด้วยกันแล้ว แต่ฝ่ายชายยังไม่คิดอยากจะแต่งงาน ซึ่งตรงกันข้ามกับฝ่ายหญิง แต่ก็ดูเหมือนเธอต้องยอมจำนนต่อเหตุผลของเขา
ตัดกลับมาอีกฉากหนึ่ง เราได้เห็นหน้า จานีน (Jennifer Connelly) เพื่อนผู้แนะนำให้จีจี้นัดบอดกับคอนเนอร์ เธอเองก็กำลังอยู่ในระหว่างสร้างและตกแต่งบ้านใหม่ จานีนคือภรรยาของเบนนั่นเอง ยังไม่พอ ทั้งจานีน เบธ และจีจี้ ทำงานที่เดียวกันอีก รู้สึกจะเป็นสำนักงานของหนังสืออะไรประมาณนั้นนั่นแหละ จีจี้เป็นผู้หญิงที่อยากมีแฟนเอามากๆ เวลาเธอนัดกับใคร เธอก็เอาแต่ชอบใจไสปเสียหมด และเชื่อไปเสียหมดว่าเขาจะชอบเธอด้วย หลังเดท เธอมักเอาแต่รอโทรศัพท์ แต่จานีนก็จะบอกว่า “อย่านะ เขาต้องเป็นฝ่ายโทรมา”
ข้อความแบบนี้จะขึ้นอยู่บนจอเป็นระยะๆ ตามมาด้วยบทสัมภาษณ์ของผู้หญิงสักคนสองคนที่พูดถึงคำตอบของคำถามนี้ ก็ดูแปลกและขำๆ ดีนะ เหมือนหนังสือดีอะ หนังเล่าเรื่องจีจี้ให้เด่นเป็นพิเศษ พยายามบอกเล่าถึงประสบการณ์ที่จีจี้ตั้งแต่วัยเด็กนั่นอาจหล่อหลอมให้เธอคิดและเป็นในวันนี้ เธออาจคิดว่าผู้ชายคงมีเหตุผลที่ไม่โทรมา เธอเคยได้ยินเพื่อนเล่าถึงกรณียกเว้น และก็คิดเข้าข้างตัวเองว่า เธออาจเป็นกรณีพิเศษก็ได้
ยังนะ ยังไม่จบ ยังมีตัวละครอีกตัวที่ยังไม่ถูกพูดถึงเลย จำแอนนาที่ปิ๊งเบนผู้แต่งงานแล้วได้มั้ย เธอเอาเรื่องนี้มาปรึกษากับเพื่อนชื่อ แมรี่ (Drew Barrymore) ผู้ซึ่งเชื่อในเรื่องเนื้อคู่ หลังจากนั้น เราก็ได้รู้อีกว่า คอนเนอร์เป็นนายหน้าค้าบ้าน ที่ติดต่ออยู่กับแมรี่
เรื่องย่อ รีวิว หนุ่มกิ๊กสาวกั๊ก สมการรักไม่ลงตัว
เพราะต้องการลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ของเธอ ผู้คนต่างมีปัญหาต่างๆ กันไป บางคนคบกัน โดนอีกฝ่ายยื่นคำขาดว่าเขาต้องแต่งกับเธอไม่งั้นจะถูกเลิก เบนคือผู้ชายคนนั้น เขารู้สึกแย่ที่ต้องแต่งงานทั้งที่ยังไม่รู้สึกพร้อม และในวันนี้ แอนนายื่นสะพานมาให้เสียแล้ว เขาจะรับมันดีมั้ย ดูหนังใหม่
หากบ้านที่ตกแต่งเสร็จเรียบร้อย แต่อีกคนเขาไม่อยู่แล้ว หากทุกสิ่งที่เคยรู้สึกมา ถูกลบล้างไปหมดด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นมาใน หากเหนื่อยล้ากับหลายสิ่งแล้วเดินมาพบคนเดิมที่รักสุดใจยืนอยู่ หากพบว่าเส้นทางที่เบี่ยงไปเป็นหนทางที่ผิด พร้อมจะกลับมาสู่เส้นทางที่หลงลืมไปไหม
ไม่มีใครไม่เคยผิดหวัง เพราะความผิดหวังเกิดขึ้นได้ในทุกๆ มิติของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การทำงาน กดบัตรคอนเสิร์ตไม่ทัน หรือเรื่องที่สากลโลกต่างเข้าใจตรงกัน นั่นคือเรื่อง ‘ความรัก’ ที่เราต่างเคยผิดพลาดผิดหวังกันมานับไม่ถ้วน แต่คำถามมันไม่ได้อยู่ที่ว่าทำไมคุณถึงผิดหวั
ง แต่เราควรมุ่งไปที่ประเด็นที่ว่า แล้วคุณรับได้ไหมถ้าคุณผิดหวัง เรามักเห็นเพื่อนๆ รอบตัวไม่ว่าจะเพศไหนก็ตามต่างเคยแชร์ประสบการณ์เรื่องเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ที่เคยเห็นมาจนเอียนให้คุณฟังอยู่บ่อยๆ (หรือบางทีก็เป็นตัวเองนั่นแหละที่ระบายมันออกมา) เช่น เรื่องความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกก็ดี บางคนคุยกันมาเป็นปี ๆ
ยังเรียกพี่น้อง บางคนเดตกันเป็นสิบครั้ง ความสัมพันธ์อย่างมากสุดก็เป็นเพียงคู่นอน หรือคุณอาจจะอยากคบหาจริงจังกับคนที่กำลังคุยอยู่ด้วย แต่ดันโดนเทหน้าตาเฉย มันล้วนเป็นเรื่องเจ็บปวดนะ เราเห็นใจ แล้วเราจะสามารถรับมือกับความผิดหวังนั้นได้อย่างไรล่ะ
ความเจ็บปวดเหล่านั้นมันก็เป็นเพียงสถานการณ์หนึ่งที่คุณต้องผ่านมันไปให้ได้อย่างชาญฉลาด เฉกเช่นเดียวกันกับหนังเรื่องหนึ่งที่เรานอนแอ้งแม้งชมเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างเรื่อง He’s Just Not That Into You หรือในชื่อไทยที่ฟังแล้วจั๊กจี้หู
อย่าง หนุ่มกิ๊กสาวกั๊ก สมการรักไม่ลงตัว ซึ่งเป็นหนังที่เข้าฉายเมื่อปี 2009 ดัดแปลงมาจากหนังสือในชื่อเดียวกันของ เกร็ก เบห์เรนด์ท (Greg Behrendt) และลิซ ทุชชิลโล (Liz Tuccillo) ว่าด้วยเรื่องของความสัมพันธ์แสนวุ่นวายของหญิงสาวและชาย
รีวิว หนุ่มกิ๊กสาวกั๊ก สมการรักไม่ลงตัว
หนุ่มหลายคู่ที่มุ่งตรงไปที่ประเด็นเดียวกันคือเรื่อง ‘ความเคลือบแคลงใจว่าเขาจะมีใจให้เราบ้างไหม’ โดยขนเอานักแสดงระดับเอลิสต์มารวมกันไว้อย่างหนาแน่นทั้ง เบน แอฟเฟล็ก, สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน, แบรดลีย์ คูเปอร์, เจนนิเฟอร์ อนิสตัน, ดรูว์ แบร์รีมอร์ และเจนนิเฟอร์ คอนเนลลี รีวิวหนัง
นอกเหนือจากนักแสดงระดับท็อปของวงการแล้ว เราต้องบอกว่าประเด็นที่ He’s Just Not That Into You พูดถึงนั้นถึงแม้จะดูเป็นประเด็นที่ค่อนข้าง ‘เก่า’ แต่ว่าเรายัง ‘เก๋า’ มากพอที่จะเชื่อมโยงกับชีวิตของคนในยุคนี้ได้ ในวันที่เราต่างพบเจอผู้คนใหม่ๆ
ได้เพียงปลายนิ้ว และโอกาสที่จะเกิดความสัมพันธ์นั้นเกิดขึ้นได้ง่ายดายมากๆ เหลือเกินจากแอปพลิเคชันต่างๆ ซึ่งประเด็นที่ว่า ‘เขาจะมีใจให้เราบ้างไหม’ นี่แหละที่ยังเป็นเรื่องน่าถกเถียงถึงพฤติกรรมและการแสดงออกของมนุษย์ในยุคนี้ อย่างเช่นที่เราได้
รู้จักกับวลี ‘หนักขวา’ ซึ่งแปลว่าช่องแชตของคุณทางด้านขวานั้นหนักและเต็มไปด้วยข้อความมากมายเหมือนคุยอยู่คนเดียว และดูเหมือนเขาจะไม่สนใจคุณเท่าไร แล้วคุณยังจำเป็นต้องไปต่อหรือควรเลิกหวังสักทีในหนังเรื่องนี้ คู่หลักๆ ที่เราได้เห็นพวกเขาสาดทัศนคติเรื่องความรักใส่กันอย่างสนุกสนานคือตัวละครอย่าง จีจี้ (รับบทโดย จินนิเฟอร์ กู๊ดวิน) และอเล็กซ์ (รับบทโดย จัสติน ลอง) ที่จีจี้ดันไปตกหลุมรักเพื่อนสนิทของอเล็กซ์ ซึ่งเธอเองก็มีอาการและคำถาม
ว่า ‘ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงดูไม่สนใจเธอ’ และยกความน่าจะเป็นร้อยอย่างขึ้นมาปะติดปะต่อกันเพื่อตอบสนองความคิดและความต้องการของตัวเอง เช่น จีจี้คิดว่าการที่ผู้ชายไม่โทรกลับมาหลังจากเดตกันอาจเป็นเพราะเขายุ่ง หรือการคิดว่าผู้ชายสั่งเครื่องดื่มเพิ่มเพื่อนั่งคุยกันต่อในวันที่เดตกันคือเขาอยากอยู่ต่อและประทับใจในตัวเธออย่างมาก ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเรื่อง ‘มโน’ ทั้งนั้น
ถามว่ามันผิดมากไหมที่อยากจะมีความคิดที่ว่าอีกฝ่ายต้องชอบเราแน่ๆ เลยถึงทำแบบนั้นหรือแสดงออกแบบนี้ ไม่ผิดหรอก เพราะจากฉากเปิดของหนังที่เราเห็นภาพของเด็กผู้หญิงถูกเด็กผู้ชายกลั่นแกล้ง และแม่ของเธอก็ปลอบใจว่า “ที่เขาแกล้งหนูก็
เพราะเขาชอบหนูยังไงล่ะ” แน่นอนว่ามันเป็นเพียงถ้อยความปลอบประโลมใจให้รู้สึกดี แต่ไม่ว่าในวัยเด็กจะเข้าใจพฤติกรรมเช่นนั้นอย่างไร เมื่อโตขึ้นก็ควรจะต้องยืนอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงที่ว่าจริงๆ แล้วเขารู้สึกอะไรกับคุณถึงแสดงออกมาเช่นนั้น
ไม่ใช่ใช้เพียงความรู้สึกเข้าข้างตัวเองแล้วนำมันมาปะติดปะต่อและ ‘เข้าใจไปเอง’ ว่าเขาชอบคุณเช่นกัน และแน่นอนว่าหลายๆ ครั้งเขาอาจจะ ‘ตอบเป็นมารยาท’ หรือ ‘รักษาน้ำใจ’ คุณอยู่ ซึ่งนั่นดูรุนแรงต่อความรู้สึกมากกว่าการถูกปฏิเสธเสียอีกประเด็นสำคัญของความผิดหวังคือคุณคาดหวัง (แน่นอนสิ) ซึ่งความคาดหวังดังกล่าวมันเกิดมาจากคุณต้องการหรือชื่นชอบคนคนนั้นอย่างมาก และคาดหวังว่าเขาจะชอบคุณตอบ ซึ่งหากเริ่มต้นจากการส่งข้อความคุยกัน ลุกลามไปถึงการออกไปเดต
จบลงที่เตียง แต่คุณเองก็ต้องมองมุมกลับเหมือนกันว่าไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพศไหนก็ตาม เขาก็ย่อมคาดหวังกับคุณเช่นกันว่าคุณจะสามารถเข้ากับเขาได้ พูดจาภาษาเดียวกัน หรือมีรสนิยมและไลฟ์สไตล์ที่ใกล้เคียงกัน กระทั่งต้องตากันและกัน ต่างคนก็ ต่างหวังเพราะทุกคนก็อยากมองหาความสัมพันธ์ที่สบายใจ ชัดเจน และสิ่งที่คิดว่า ‘ใช่’ จริงๆ และการที่เขาไม่ได้ชอบคุณก็แค่ต้องเข้าใจง่ายๆ ว่าคุณน่ะ ‘ไม่ใช่’ สำหรับเขา ควรรู้จักยอมรับ