รีวิว Ironclad (2011) ทัพเหล็กโค่นอํานาจ

วันนี้เราจะมารีวิว Ironclad (2011) ทัพเหล็กโค่นอํานาจ ได้ดูหนังเรื่องเมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมานี้แหละครับ ก่อนเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ก็ไม่รู้หรอกว่าเรื่องนี้หน่ะใช้หนังเกรดบีอย่างที่คิดรึปล่าว เพราะเห็นทั้งหน้าหนังและดารา มีกลิ่นไอของเกรดบีลอยมาอย่างเต็มๆ + งานสร้างฉากต่างๆอีกด้วย ส่วนหนังเรื่องนี้จะมันส์ตามที่คาดหวังไว้ไหม ไปอ่านกันเลยครับทุกท่าน ดูหนังฟรี

 

Ironclad เรื่องราวเกิดขึ้นในอังกฤษในปี 1215 ในสมัยที่ พระราชาจอห์น กษัตริย์ของอังกฤษยังครองราชอยู่ ซึ่งชื่อเสียงของเขาในด้านของการ ข่มขืน , ฆ่าคน และ ข่มเหงผู้คนไปทั่วนั้น มีแต่คนรู้กันทั้งนั้น จนกระทั่งพวกชาวบ้าน และ คนต่าง ๆ ทนไม่ไหว

 

รีวิว Ironclad (2011) ทัพเหล็กโค่นอํานาจ

 

จนต้องให้ พระราชาจอห์น เซ็นต์สัญญาเพื่อว่า จะไม่ข่มเหงพวกเขาอีก แต่แล้วหลังจากการเซ็นต์สัญญานั้น พระราชาจอห์นกลับไม่ทำตามที่สัญญาบอกไว้ ดันไปตามยึดปราสาทต่างๆอีกตั้งหาก งานเลยตกมาถึง นักดาบศาสนา อย่าง โธมัส ที่ต้องรวบรวมผองเพื่อนอีก 7 คนที่จะไปยึดปราสาทต่างๆคืนและยื้อไว้จนกว่าประเทษฝรั่งเศสนั้นจะส่งคนมาช่วย

 

Ironclad ผลงานกำกับของ Jonathan English หลังจากเคยกำกับหนังสัตว์ประหลาดเกรดบีอย่าง Minotaur ที่ดึงตัว Tom Hardy เข้าไปเล่นด้วยนั้น คราวนี้ไม่รู้คิดยังไงถึงยังจะเล่นหยิบพล๊อตหนังแนวนี้ขึ้นมาอีก หลังจากหนังแนวสงครามออกแนว

 

รีวิว Ironclad (2011) ทัพเหล็กโค่นอํานาจ

 

สไตล์นี้อย่าง Centurion และ The Eagle ที่เพิ่งผ่านมานั้นก็ร่วมเจ๊งด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งเรื่องนี้ก่อนอื่นก็ต้องขอชมเลยว่า Score ของหนังที่ Compose โดย Lorne Balfe ที่ผมได้ฟังมาเกือบ 1-2 เดือนแล้วนั้น เมื่อเอามาเข้ากับฉากหนังจริงๆ บางฉากก็เวริ์ค

 

จนขนลุก แต่บางฉากก็ยังดูขัดๆกันบ้าง แต่ยังไงซะนั้น Score ของเรื่องนี้เป็นจุดขายอย่างนึงแน่นอน (นักวิจารณ์เพลงเมืองนอกให้สกอร์นี้เกือบ 5 ดาวเต็ม) + เมื่อมองในอีกด้านจุดขายจากตัวอย่างอย่าง ฉากแอ็คชั่น แล้วนั้น เรื่องนี้ถือว่าทำออกได้ในระดับที่ ถือว่าฉากแอ็คชั่นทำออกมาในระดับที่ยังพอใช้ได้ทั่วไป + ฉากโหดๆของหนังนั้นถือว่าเป็นไฮไลท์อีกอย่าง ที่มีทั้งการ ฟันแขน หรือ แม้แต่หักกระดูก ถึงถูกใจคอซาดิสต์อย่างแน่นอนครับ รวมไปถึงสิ่งที่ชอบอีกอย่างคงหนีไม่พ้น เครื่องแต่งกาย ต่างๆที่

 

รีวิว Ironclad (2011) ทัพเหล็กโค่นอํานาจ

 

ถึงแม้ยังจะทำออกมาคล้ายๆเกรดบีไปนิด แต่ถ้าสำหรับการดีไซน์เครื่องแต่งกายของ ลูกน้อง พระราชาจอห์น นั้นถือว่าทำออกได้เข้ายุดเข้าสมัยใช้ได้ + อาวุธดาบของ เทมพลาร์ นั้นรายละเอียดครบถ้วนได้ดี แต่ว่าจะเอาเข้าจริงๆแล้วนั้น ถ้ามาลองมองในด้านของข้อเสียนั้น หนังเรื่องนี้มีเยอะพอควร และ ถือว่าทำออกมาได้ไม่สมราคา 25 ล้านเหรียญ

เรื่องย่อ รีวิว Ironclad (2011) ทัพเหล็กโค่นอํานาจ

สิ่งที่ไม่ชอบอย่างแรกเลยคือ โปรดักชั่น ของหนัง ที่ทำออกมาได้เหมือนเกรดบีอย่างสุดโต่ง โดยเฉพาะฉาก งานสร้าง หรือ แม้แต่ปราสาท ที่ทั้งมุมกล้อง และอะไรอีกหลายๆอย่าง อำนวยให้มันเป็นหนังเกรดบีอย่างแท้จริง (แต่หนังจริงๆใช้ทุนสร้าง 25 ล้านเหรียญ) + การแสดง และ ตัวละครของ Kate Mara (แสดงเป็น อิซาเบล) เป็นตัวละครที่ดูแล้วรำคาญมากที่สุดใน 3 โลก และยังรวมไปถึงเนื้อเรื่องที่ออกแนวอืดอาดยืดยาด ที่ดูแล้วไม่ได้รัดทันไปกับตัวละครด้วย (พูดง่ายๆคือ ไม่อิน) โดยส่วนตัว ดูหนังใหม่

 

เนื้อเรื่องเล่าให้จบภายใน 3-5 นาทีก็ได้หน่ะ และอย่างสุดท้ายที่น่าเสียดายคือ Paul Giamatti ที่พอตอนแรกก็แสดงเกรดบีเหลือเกิ๊น แต่ตอนจบดัน Overacting จนเสียงแหบเละเทะซะงั้นหน่ะครับทุกท่าน ฮ่า ๆ + คำคมของพระเอกไม่ได้ช่วยให้หนังไปได้ดีขึ้นสักเท่าไหร่หรอกนะ

 

 

หนังเรื่องนี้มีดีตรง Score ของหนังที่โชว์ความยิ่งใหญ่ + ฉากความโหดต่างๆถือว่าใช้ได้เลย แต่น่าเสียดายตรงที่งานโปรดักชั่น และ เนื้อเรื่องออกไปแนวหนังเกรดบีอย่างแท้จริง + เนื้อเรื่องอืดอาด ยืดยาด และฉากแอ็คชั่นก็ไม่ได้มันส์จ๋านักหรอกนะ โดยส่วนตัวคิดว่าให้รอแผ่นหรือไม่ดูไปเลยก็ดีกว่า

 

พอล จิอาแม็ตติ รับบทกษัตริย์สุดโหด ในหนังสงคราม Ironclad ทัพเหล็กโค่นอำนาจ การันตีความมันส์และภาพฉากรบสุดล้ำด้วยกล้องตัวเดียวกับ Transformer 2 ถ้า Saving Private Ryan คือหนังสงครามที่ดีที่สุดของยุคปัจจุบัน ภาพยนตร์เรื่อง Ironclad (ไอออนแคลด) : ทัพเหล็กโค่นอำนาจ ก็คือหนังมหากาพย์สงครามย้อนยุคที่ดีที่สุดเช่นกัน โดยหนังเรื่องนี้ถือเป็นการรวบรวมนักแสดงมีชื่อจากเกาะอังกฤษมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เจมส์ เพียวฟอย,ไบรอัน ค็อก,แม็คเคนซี่ย์ ครูก, เจสัน เฟลมมิ่ง

 

 

และ เดเร็ค จาโคบี้ และอีกบทบาทที่ถูกจับตามอง คือ ผู้รับบท คิงจอห์น กษัตริย์ผู้โหดเหี้ยมที่เป็นตัวก่อสงครามเค่นฆ่าประชาชน เพื่อยึดอำนาจกลับมาเป็นของตัวเอง แล้วบทบาทสำคัญนี้ก็ตกไปอยู่กับ นักแสดงมากความสามารถที่เคยถูกเสนอชื่อเช้าชิงรางวัลออสการ์จากภาพยนตร์เรื่อง Cinderella Man อย่าง พอล จิอาแม็ตติ ที่ตัดสินใจรับเรื่องนี้ทันทีที่ถูกชักชวน เพราะชื่นชอบในประวัติศาสตร์อยู่แล้ว และยิ่งได้รับบทกษัตริย์ผู้ฉาวโฉ่ที่สุดในเกาะอังกฤษแบบนี้ ยิ่งท้าทาย

 

ความสามารถ โดยเขาได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ผมสนุกในการได้แสดงในหนังย้อนยุค ผมได้ทำหลายอย่างที่ไม่เคยทำในอเมริกา ผมได้สั่งแขวนคอและตัดลิ้นคนอีกด้วย” นอกจากกองทัพนักแสดงที่ขนเอาเหล่านักแสดงมากความสามารถมารวมกันแล้ว การ

 

 

ถ่ายทำก็ยังใช้ทีมงานคุณภาพอีกด้วย โดยผู้กำกับ โจนาธาน อิงลิช ได้คัดเลือกทีมกล้องมือคุณภาพ ซึ่งเคยทำให้หนังไตรภาค อย่าง Bourne ทั้งสามภาคให้ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นมาแล้ว ที่สำคัญยังได้กล้องตัวเดียวกับที่ ไมเคิล เบย์ ใช้กับ

รีวิว Ironclad (2011) ทัพเหล็กโค่นอํานาจ

Transformer 2 ซึ่งทำให้ได้ภาพในมุมมองที่ไม่เหมือนใคร สร้างความแตกต่างจากหนังสงครามเรื่องไหนๆที่ผ่านมา เรียกได้ว่า คุณจะลืมภาพสงครามยุคกลางในหนังเรื่องอื่นที่ผ่านมา เพราะ Ironclad (ไอออนแคลด) : ทัพเหล็กโค่นอำนาจ จะให้ความรู้สึกสมจริง เหมือนกำลังนั่งดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ ไม่ใช่ภาพจากหนัง และแน่นอนว่านี่เป็นสิ่งที่ผู้กำกับคาดหวังว่าหนังเรื่องนี้ จะเป็นต้นแบบให้หนังมหากาพย์สงครามเรื่องอื่นๆ เลยทีเดียว รีวิวหนัง

 

 

Ironclad (ไอออนแคล้ด) : ทัพเหล็กโค่นอำนาจ เป็นเรื่องราวที่สร้างมาจากเหตุการณ์จริงในยุค ศตวรรษที่ 13 เมื่อกษัตริย์ผู้โหดเหี้ยม อย่าง คิงจอห์น (พอล จิอาแม็ตติ) ทำลายข้อตกลงในสัญญาแมคนาคาร์ตา ที่จะทำให้ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน โดยการสร้างกองทัพขึ้นมาเพื่อยึดอำนาจกลับมาเป็นของตน มีเพียงฐานที่มั่นสุดท้าย และกลุ่มนักรบกลุ่มสุดท้าย ที่ปราสาทโรเชสเตอร์ ซึ่ง บารอน อัลบานี่ย์ (ไบรอัน ค็อก) รวบรวมขึ้นมา นำโดย มาร์แชลล์ (เจมส์ เพียวฟอย) หนึ่งในอัศวินโต๊ะ

 

 

กลมที่มีปมเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีต ,เลดี้ อิซาเบล (เคท มาร่า) แห่งปราสาทโรเชสเตอร์ ,เรดินัล เดอ คอร์นฮิลล์ (เดเร็ค จาโคบี้) , บัคเก็ตส์ (เจสัน เฟลมมิ่ง) นักรบผู้กระหายเลือดและความสนุกเท่านั้น และ กาย (อนูริน เบอร์นาร์ด) นักรบวัยรุ่นที่ออกสู่สงครามครั้งแรก ซึ่งพวกเขาต้องร่วมมือกันต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและอิสรภาพของประชาชน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *