รีวิว ดาวบันดาล
สวัสดีเพื่อน ๆ ที่น่ารักทุกคน ยังจำกันได้มั้ย ยินดีต้อนรับเข้าสู่การรีวิวหนังรักสุดโรแมนติก เรื่อง The fault in Our Stars ดาวบันดาลByนัฐ•สิ•มา ส่วนตัวผู้เขียนคิดว่าเป็นหนังที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกที่เกี่ยวข้องกับ”ชีวิตและความรัก”ได้อย่างไร้ที่ติ เรียกได้ว่าเมื่อเราได้ดูหนังเรื่องนี้แล้ว เราอาจเข้าใจได้เลยว่าคน ๆ หนึ่งสามารถที่จะมีความรักและมอบความรักให้กับคนอีกคนได้มากมายเพียงใด เว็บดูหนัง เว็บดูหนังฟรี
เปิดเรื่องมาที่เฮเซลนางเอกของเรื่องนะคะ เด็กสาวอายุ 17 ปี ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งเธอมีชีวิตอยู่ได้ด้วยยา หมอ และถังออกซิเจน เธอใช้ชีวิตโดยที่คิดว่าซักวันนึงตัวเธอเองก็ต้องตาย ด้วยเหตุผลนี้แม่เธอจึงขอให้เธอเข้าร่วมกลุ่มบำบัดและนั่นทำให้เธอได้พบกับออกัสตัส ต้องยอมรับว่านางเอกมีความสวย และมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองมาก ตัวละครแสดงให้เราเห็นว่าเธอใช้ชีวิตอยู่กับความเป็นจริง ถึงแม้ว่าเธอจะมีอายุเพียง 17 ปี และมีโรคร้ายที่สามารถพรากเธอไปจากโลกนี้ได้ทุกเมื่อ แต่เธอกลับไม่ได้
หมกมุ่นอยู่กับความเจ็บปวดที่เธอกำลังเผชิญอยู่ เธอใช้ชีวิตให้ตัวเธอเองและครอบครัวของเธอมีความสุข แม้เธอจะไม่สามารถทำแบบวัยรุ่นคนอื่นได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตามมาต่อที่พระเอกของเรื่อง ออกัสตัส เด็กหนุ่มอายุ 18 ปี ผู้ป่วยมะเร็งกระดูกมีเหตุให้ต้องตัดขาข้างหนึ่งทิ้งตั้งแต่หัวเข่าลงไป ออกัสตัสเข้ากลุ่มบำบัดเพราะไอแซคเพื่อนซี้ของเขาชวนมาและนั่นเป็นจุดเริ่มต้นทำให้เค้าและเฮเซลได้พบกัน ขอบอกเลยว่า
ออกัสตัสเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์ดึงดูดน่าหลงใหลมาก มีความกล้าแสดงออกอย่างชัดเจน ตรงไปตรงมา รอยยิ้มสดใสบ่งบอกถึงความจริงใจ มีความมั่นใจในตัวเอง แถมยังรักเพื่อนมาก หากสาว ๆ คนไหนถูกหนุ่มออกัสตัสขายขนมจีบให้ละก็ คงเป็นอันไปไหนไม่ได้แน่ ๆ เพราะเค้าเป็นคนตั้งใจที่จะทำตามปณิธานของตัวเอง ไม่ว่าในบางเรื่องจะเสี่ยงต่อชีวิตและหัวใจของเค้าก็ตาม
ความรักของเฮเซลและออกัสตัสพัฒนาไปอย่างเรียบง่าย รวดเร็ว แต่มั่นคง จนวันหนึ่งอาการของเฮเซลกำเริบทำให้เฮเซลพยายามที่จะตีตัวออกห่างจากออกัสตัส เพราะเธอคิดว่าความรักที่เกิดขึ้น ไม่ช้าก็เร็ววันหนึ่งเธอก็ต้องจากไป ซึ่งนั่นไม่แฟร์กับออกัสตัสเลย ถึงตรงนี้หนังได้แสดงให้เราเห็นว่า การมีความรักเป็นสิ่งสวยงาม แต่การที่จะรักษาความรู้สึกของคนที่เรารักนั้นสำคัญยิ่งกว่า เพราะคนที่ยังต้องมีชีวิตอยู่ ควรจะอยู่ด้วยความรักต่อคนรอบข้างมากกว่าอยู่กับความเสียใจต่อคนที่จากไปแล้ว
อย่างไรก็ตามออกัสตัสก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้ เค้ายังคงยืนยันว่าเค้าจะรักเธอต่อไป ทั้งสองได้มีโอกาสใช้เวลาสร้างความทรงจำที่ดีหลายอย่างร่วมกัน แต่ในขณะเดียวกันนั้นออกัสตัสก็ได้พบว่ามะเร็งในตัวเค้าได้กลับมาลุกลามอีกครั้ง ณ จุดนี้คือ ในคำว่าชีวิตอะไรก็เกิดขึ้นได้จริง ๆ สิ่งที่เราเคยมั่นใจกลับกลายเป็นอีกหนึ่งสิ่ง โดยที่เราไม่ทันได้ตั้งตัว จากที่หนังกำลังทำให้เราชื่นมื่นกับความรักของคนสองคนที่มีให้กัน โดยโรคร้ายที่แฝงอยู่ในร่างกายของพวกเขาก็ไม่อาจมาขวางกั้น อยู่ดี ๆ หนังกลับดึงเรา
จมดิ่งสู่ห้วงความเศร้าอย่างฉับพลัน ไม่รู้จะอธิบายความเศร้านี้ว่าอย่างไรดี การที่เรารู้ว่าคนที่เรารักกำลังจะตายจากเราไป และเราต้องมีชีวิตอยู่เฝ้าดูจนถึงวาระสุดท้ายนั้น แม้เราจะพยายามใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้มีคุณค่าและน่าจดจำเพียงใด ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามีความเศร้าเสียใจแทรกซึมอยู่ในทุก ๆ ช่วงเวลาที่มีค่าเหล่านี้
เรื่องย่อ รีวิว ดาวบันดาล
ออกัสตัสได้ขอให้เฮเซลเป็นผู้เขียนคำอาลัยในงานศพของเค้า รวมทั้งขอจัดงานศพเล็ก ๆ ล่วงหน้า เพราะเค้าอยากจะมีส่วนร่วมในงานศพของตัวเอง ซึ่งในงานนี้ก็มีแค่ออกัสตัส เฮเซล และไอแซคเท่านั้น ฉากนี้คือฉากที่หนังทำคนดูร้องไห้หนักมาก ดาเมจรุนแรงขั้นสุด ส่งผลให้ความรู้สึกเสียหายแทบไม่เหลือชิ้นดี แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถสื่อสารให้คนดูสัมผัสได้ถึงความรักที่ทั้งสามคนมีต่อกัน ในฉากเหมือนไม่มีอะไรสำคัญ เป็นฉากที่เรียบง่ายในโบสถ์แห่งหนึ่ง มีเเค่เพียงวัยรุ่นสามคนมารวมตัวกันเพื่อ หนังฟรี หนังใหม่
จำลองงานศพให้กับคนหนึ่งในกลุ่มที่ต้องจากพวกเขาไปในอีกไม่ช้า แต่กลับเป็นฉากที่อบอวนไปด้วยความรู้สึกประหนึ่งผู้ชมที่นั่งดูได้เข้าไปมีส่วนร่วมในงานศพเล็ก ๆ ของออกัสตัสนั่นด้วย และแล้ววันนั้นก็มาถึง เฮเซลนอนร้องไห้อยู่บนเตียงตั้งแต่แม่ของเธอยังไม่ได้บอกอะไรกับเธอเลย วันรุ่งขึ้นเธอไปงานศพของออกัสตัส เธอไม่ได้กล่าวคำอาลัยที่เธอตั้งใจเขียนไว้ แต่เธอกลับทำบางสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงทัศนคติของผู้ใหญ่ที่คิดว่าความรักแบบเด็ก ๆ นั้นไม่สำคัญอะไรไปตลอดกาล…
สุดท้ายแล้วหนัง The fault in Our Stars ก็คือ หนังที่สามารถสื่อสารเรื่องราวความรักของเพื่อน ครอบครัว และคนรัก ผ่านตัวละครต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว เป็นพล๊อตหนังรักโรแมนติกที่มีพื้นหลังเป็นโรคมะเร็งอยู่ในตัวละครหลักของเรื่อง ซ้ำตัวละครหลักนั้น ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความรักที่หนักแน่น บริสุทธิ์ และมั่นคง ไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีอายุหรือมีประสบการณ์ในชีวิตมากมาย เนื้อเรื่องเล่าอย่างตรงไปตรงมาไม่ซับซ้อน สามารถคาดเดาได้ค่อนข้างง่ายว่าเนื้อเรื่องจะเป็นไปในทิศทางไหน แต่
ใส่ใจในทุกรายละเอียด เรียกได้ว่าแต่ละฉากที่ออกมานั้นคือสิ่งที่เป็นไปได้ว่าคนเราจะทำจริง ๆ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้เรารู้สึกซาบซึ้งไปกับตัวหนังได้ง่าย เพราะการกระทำทุกอย่างของทุกตัวละครไม่เกินความเป็นจริง การดำเนินเรื่องเป็นไปตามลำดับ เข้าใจง่าย ไม่รู้สึกขัดหรือสะดุด หนำซ้ำยังมีบางช่วงของหนังที่ตัวละครได้ตัดสินใจทำบางอย่างแบบฉับพลัน นั่นยิ่งทำให้เรารู้สึกหลงรักตัวละครตัวนั้นมากยิ่งขึ้นไปอีก ด้วยเหตุผลเหล่านี้ทำให้เราสามารถดูหนังได้อย่างเพลิดเพลินในห้วงเวลา
2 ชั่วโมง 13 นาที และในขณะเดียวกันเราก็ถูกดึงให้เข้าไปอยู่ในตัวหนังด้วย ซึ่งหนังก็ทำได้อย่างแยบยล หากใครที่ไม่ได้ร้องไห้มานานแล้ว อยากล้างตาด้วยน้ำตาแห่งความประทับใจ แนะนำให้ไปลองดูหนังเรื่องนี้กันได้นะคะ เพราะกว่าเราจะรู้สึกตัวอีกทีเราก็คงพบว่า ตัวเองได้นั่งร้องไห้ให้กับความรักที่น่าประทับใจครั้งนี้ไปแล้ว
เมื่อฮาเซลได้เขียนอีเมล์โต้ตอบไปหาปีเตอร์ และกัสก็ช่วยสานฝันให้เธอด้วยการเขียนอีเมล์แจ้งความจำนงค์ไปว่าฮาเซลนั้นอยากจะไปพบตัวจริงของปีเตอร์เพื่อพูดคุย และฮาเซลก็ได้รับจดหมายตอบกลับมาเพื่อเชื้อเชิญให้เธอเดินทางไปยังอัมสเตอร์ดัม ทริปท่องเที่ยวที่ทำให้ฮาเซลได้เดินทางไปพบกับนักเขียนในดวงใจพร้อมกับหลายเรื่องเซอร์ไพรส์ที่ชีวิตเธอก็คาดไม่ถึงมาก่อน TFIOS ในเวอร์ชั่นภาพยนตร์นั้นสามารถทำให้ตัวละครสามารถเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจของคนดูได้เพราะนักแสดงมีเสน่ห์มากและเคมีระหว่างฮาเซลและกัสก็ลงตัวกันตั้งแต่ฉากแรกพบ ประกอบกับทักษะทางการแสดงที่เข้าถึงของตัวละคร ฮาเซลเป็นเด็กสาว
ที่เข้าใจในชีวิต เธอไม่ได้เป็นเด็กสาววัยรุ่นที่มัวแต่เศร้าโศกกับเรื่องความตายที่อาจจะถามหาเธอได้ทุกครู่ทุกยาม แต่เธอพยายามจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างคุ้มค่าและมีความสุขที่สุดตามสภาพแก่นสารของ TFIOS นั้นหยิบเรื่อง “ความตาย” เอามาเป็นแกนหลักของหนังได้อย่างคมคาย ลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นฉากงานศพของตัวละคร ที่นางเอกได้พูดว่า “งานศพนั้นไม่ได้จัดขึ้นเพื่อคนที่จากเราไปแล้ว หากแต่จัดขึ้นเพื่อคนที่ยังมีชีวิตอยู่ต่อไป
ต่างหาก” ซึ่งมันสะท้อนให้เราเห็นว่าการคร่ำครวญกับความสูญเสียนั้นไม่ควรจะเอามาเป็นอุปสรรคให้กับชีวิต ความตายล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นวนเวียนอยู่รอบๆตัวเรา ความตายของคนรอบข้างนั้นเป็นสิ่งหนึ่งที่จะต้องเกิดขึ้นกับตัวเราเช่นกันไม่วันใดก็วันหนึ่ง สภาพการระลึกรู้ถึงความตายของฮาเซลนั้น สะท้อนให้ผู้ชม “ใช้ชีวิตที่มีอยู่ในทุกวัน” ให้คุ้มค่าที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ สิ่งที่ทำเราน้ำตาริน (และไม่ใช่แค่ฉากเดียวของหนังเรื่องนี้) ก็คือฉากที่นางเอกของเรื่องพยายามจะเดินขึ้นไปดูบ้านของแอน แฟรงค์ซึ่งไม่มี
ลิฟต์ มีแต่บันไดชันๆ ซึ่งการไต่ขึ้นที่สูงมากๆทำให้เธอเหนื่อยจับ แต่เธอก็ยังคงยืนกรานที่จะเดินขึ้นไปพร้อมกับหอบถังออกซิเจนไปพร้อมๆกับเธอ มันเป็นฉากที่เราเอาใจช่วยและรู้สึกถึงชัยชนะเล็กๆของมนุษย์ที่ “เอาชนะ” หัวใจของตัวเองได้อย่างงดงามอีกฉากหนึ่งที่สะเทือนอารมณ์ไม่แพ้กันก็คือฉากปะทะอารมณ์ระหว่างแม่ลูก เมื่อฮาเซลบอกแม่ของเธอว่าสิ่งที่ทำให้เธอโกรธก็คือภาพฝังใจที่เธอได้ยินแม่ของเธอพูดว่า หลังจากที่เธอตายไป(ตอนอายุ 13) เธอกลัวว่าจะไม่ได้เป็นแม่ลูกกับฮาเซลอีก คำพูด
เบาๆอันนั้นทำให้เธอฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้ และ เราเชื่อว่าคนที่เป็นคน “รักแม่” มากๆ จะบ่อน้ำตาแตกไปกับการแสดงของลอร่า เดิร์นในบทคุณแม่ที่ดูแลลูกอย่างชิดใกล้อย่างแน่นอน TFIOS คือความงดงามในการเล่าเรื่องของ “ความตาย” ให้เราเข้าใจและเข้าถึงไปกับมัน เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าใครจะเดินทาง “จาก” เราไปก่อนกันสิ่งที่เกาะกุมหัวใจเรานั้นก็คือเรื่องดีๆที่มนุษย์มีให้กัน และ กันตราบวันสิ้นลมให้ใจ และจะอยู่ในความทรงจำของคนคนหนึ่งตลอดไป
รีวิว ดาวบันดาล
บางครั้งความลงตัวของสูตรสำเร็จไม่ได้เกิดมาเพื่อให้คนดูจำแล้วเก็บไปเดาหรือตั้งใจให้เดา และ หักมุมเพื่อให้ออกมาดูเหวอ แต่เพื่ออรรถรสอย่างหนึ่งชวนให้รู้สึกอิ่มเอม เรารู้เราสัมผัสในจุดนั้นได้และคาดหวังในเรื่องของอารมณ์ว่าควรจะออกมาในรูปแบบไหนที่พอจะพิชิตใจผู้ชมตามด้วยผลลัพธ์ที่ตามมาคือเรื่องที่ไร้การเซอร์ไพรส์แต่เข้าถึงแก่นของความรู้สึก ในยามบทเศร้าก็ร้องไห้ ยามมีความสุขก็อมยิ้ม แม้กระทั่งจุดที่พลิกผันในชีวิตยังต้องรู้สึกถึงความปกติที่แสนพิเศษหรือความปลิ้มปิติใน
ท้ายที่สุด อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อคนที่ใช้ชีวิตแบบตายได้ง่ายเพียงมะเร็งที่ทำพิษตั้งแต่เด็กจนต้องเสียปอดและใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดเวลาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างเฮเซล (Shailene Woodley) ที่ตอนนี้ใช้ชีวิตร่วมกับการแบกออกซิเจนไปทุกที่ทุกเวลาที่เธอต้องไป เฮเซลพยายามใช้ชีวิตของตัวเองแบบคนปกติด้วยการทำให้รู้สึกว่ายังมีค่าตลอดเวลาโดยไม่แสดงความสิ้นหวังหรือรู้สึกขาดสิ่งที่คนปกติเขามีกัน แต่พฤติกรรมของเธอเป็นที่หวาดระแวงต่อพ่อ (Sam Trammell) และแม่ (Laura Dern) ของ ดูหนังฟรี ดูหนังออนไลน์
เธอ ที่กลัวว่าลูกจะมีปัญหาเรื่องจิตใจโดยเฉพาะการเข้าสังคมที่ไม่เหมือนใครที่มีสายออกซิเจนที่จมูกตลอดเวลาอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง แต่นี่คงเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดและถูกเวลา เข้าใจผิดที่เฮเซลไม่ได้ย่ำแย่ขนาดต้องไปบำบัดเพราะเธอก็รู้ตัวเองดีจากสภาพที่เป็นและมองชีวิตอย่างมีความสุขเสมอแม้ต่อหน้าจะหวนให้เป็นเรื่องเศร้าใจแค่ไหนก็ตาม ทว่าเธอก็มักมีพฤติกรรมที่ชอบอะไรซ้ำๆอย่างการอ่านหนังสือเล่มเดิมซ้ำไปซ้ำมาที่บ่งบอกถึงการยึดติด แล้วหนังสือเล่มนั้นคืออะไรล่ะ
เฮเซลตระหนักดีเกี่ยวกับชีวิตแต่พ่อกับแม่มักเข้าใจลูกตัวเองว่าขาดชีวิตวัยเด็กที่ควรได้อย่างคนอื่น ดังนั้นจึงให้เฮเซลเข้ากลุ่มบำบัดสำหรับผู้เป็นมะเร็ง แน่นอนว่าเธอได้เห็นคนแนะนำปมด้อยของตัวเองที่ละจุดไม่ว่าจะเป็นมะเร็งที่ตา มะเร็งที่ต่อมลูกหมาก ทุกคนเปิดเผยความในใจแบบที่ใครรับได้ก็คงมีแต่คนป่วยแบบเดียวกันจึงจะเข้าใจความรู้สึกนี้ ที่น่าสนใจคือมีการกล่าวถึงตัวละครที่ก่อนจะมาเข้ากลุ่มบำบัดว่าก่อนหน้านี้ซึมเศร้าเมื่อรู้ว่าอัณฑะตัวเองเป็นมะเร็งซึ่งท้ายที่สุดต้องตัดออก แต่
ก่อนจะตัดออกนั้นมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ตรงกันข้ามหลังจากตัดไปก็เป็นความสิ้นหวังที่ชีวิตเริ่มเสียสมดุลจนกระทั่งได้ค้นพบทำให้ตัวเองมีความสุขอย่างการได้พระเยซูมาพึ่งทางใจและกลายเป็นหัวกลุ่มเรื่องมะเร็งที่กระตุ้นคนภายในกลุ่มที่เป็นมะเร็งอย่างเปิดอก ส่วนเฮเซลนั้นแม้จะต้องมาเข้ากลุ่มบำบัดประจำเพราะพ่อแม่เธออยากให้พบกับสังคมที่มากกว่าขึ้น อย่างเรื่องของมีเพื่อนฝูงที่น่าจะพอให้เกิดรอยยิ้ม หัวเราะ ร่าเริงอย่างที่ควรจะเป็นมากกว่าการให้ลูกหมกในตัวแถวบ้านไม่ได้ไปไหนเพราะ
ข้อจำกัดเหล่านั้น แต่ไม่รู้ทำไมความบังเอิญที่กลายเป็นธรรมเนียมสุดแสนจะตายตัวก็ปรากฎขึ้นเมื่อเฮเซลได้พบกับหนุ่มคนหนึ่งที่เหมือนจะถูกชะตาด้วยอย่างกัส (Ansel Elgort) ที่มาเข้าร่วมกลุ่มบำบัดเช่นกัน ซึ่งเขาเป็นมะเร็งที่กระดูกจนต้องสูยเสียขาไปข้างหนึ่ง แต่อะไรนั้นคงไม่เท่ากับคติประจำใจที่ไม่อยากให้ใครลืมเขาหลังจากตายไป นั้นจึงเป็นสาเหตุที่ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองเป็นที่น่าจดจำ
กัสเป็นตัวละครที่น่าจะเรียกว่าเป็นอะไรที่หาได้ยากในชีวิตจริง ไม่ใช่แค่การมองโลกในแง่ดีและแทบหาอารมณ์ด้านลบไม่เจอเลย แต่ต้องยกย่องในเรื่องการใช้ชีวิตที่แม้จะมีเรื่องแย่แค่ไหนก็ยังกล้าเผชิญหน้าอย่างไม่ทุกข์ร้อน จุดที่ชอบที่สุดคือการออกมา คุยข้างนอกสถานที่กลุ่มบำบัดกับเฮเซลที่คุยกันต่อหน้าเป็นครั้งแรก ซึ่งท่าทีย่อมไม่พ้นว่ากัสกำลังจีบเฮเซลแบบเนียนด้วยการชมว่าสวยและตัวเองมักอารมณ์ดีเสมอเมื่ได้เจอกับผู้หญิงที่สวย แน่นอนว่าในที่นี่ไม่พ้นเฮเซลที่กำลังคุยต่อหน้าและเป็นไปได้ว่า
เฮเซลก็เริ่มจะใจอ่อนตาม กระนั้นสิ่งที่กัสจะทำต่อไปคือการหยิบบุหรี่หนึ่งม้วนขึ้นมาคาบไว้ที่ปาก ผลคือเฮเซลไม่ชอบอย่างมากที่ทำตัวเหมือนไม่ใช่ปัญหาทั้งที่การมาที่แห่งนี้นั้นเต็มไปด้วยคนที่พ่ายแพ้ต่อมะเร็งทั้งสิ้น ทว่ากัสก็ไม่บอกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อเขาไม่เคยเลยที่จะจุดบุหรี่นอกจากเอามันมาคาบเอาไว้ที่ปากแล้วทำท่าเหมือนคนสูบยังไงอย่างงั้น เพราะอะไรน่ะเหรอ คงเพราะเขาต้องการเอามาเปรียบเทียบกับชีวิตที่นำสิ่งที่บั่นทอนชีวิตมาไว้ใกล้ตัวเพื่อไว้เตือนใจ ในตอนที่บุหรี่ยังเป็นบุหรี่มันไม่
เคยมีปัญหากับใครเลยแม้แต่เจ้าของ แต่เมื่อไรที่จุดไฟสูดเข้าปอดนั้นหมายถึงมันกำลังกัดกินชีวิตของเราและ ไม่ได้หมายถึงตัวเองแต่ยังรวมถึงคนรอบข้างที่รับควันแห่งการทำลายเข้าไปด้วย ซึ่งเฮเซลก็ว่าแปลกดีในความอุปมาอุปมัยของกัสที่ดูภายนอกแล้วแตกต่างจากที่กระทำโดยสิ้นเชิงแต่แฝงด้วยนัยยะสำคัญเอามาเปรียบเทียบกับชีวิตที่แขวนบนเส้นด้ายอยู่เสมอ รีวิวหนังรัก