รีวิว Punch-Drunk Love

เคยดูเมื่อสมัยมันออกแผ่นใหม่ๆแล้วเช่า tsutaya มาดู ตอนนั้นรู้สึกเฉย ๆ อาจจะเพราะว่าเราคาดหวังว่าหนังมันจะมาแนว Magnolia ที่ได้ดูก่อนหน้านั้น แต่ก็จำความรู้สึกอื่น ๆไม่ได้ละ ทีนี้ยังไงก็ไม่แน่ใจ คือคิดมาสักพักแล้วว่าน่าจะเอามาดูใหม่ มันรู้สึกว่าน่าจะชอบมากกว่าเดิม ซึ่งก็จริงซะด้วย ดูหนัง

 

ชอบที่พอมาดูอีกทีแล้วพบว่านี่มันหนัง Paul Thomas Anderson มาก ๆ อันที่จริงสไตล์มันก็แทบไม่ต่างจาก Boogie Nights หรือ Magnolia เลย เพียงแต่มันจับเรื่องที่เรียบง่ายกว่า เส้นเรื่องเดียวตรงไปตรงมา และที่น่าอัศจรรย์ใจคือมันยังโรแมนติกมากๆทั้งที่เล่าในสไตล์แบบนี้แหละ หวานจนเขินทีเดียว

เนื้อเรื่อง รีวิว Punch-Drunk Love

 

รีวิว Punch-Drunk Love

 

หนังพูดถึงเรื่องราวของแบร์รี่ ชายหนุ่มเจ้าของกิจการขายที่ดูดโถส้วมที่ออกจะเป็นคนแปลกๆสักหน่อย มีปัญหาการเข้าสังคม และบางครั้งก็ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เขาได้พบกับลีน่าหญิงสาวซึ่งเป็นเพื่อนของพี่สาวของแบร์รี่ที่ดูเหมือนว่าเธอจะชอบเขาไม่ น้อย ทั้งคู่ได้สานสัมพันธ์กัน แต่ขณะเดียวกัน การใช้บริการเซ็กส์โฟนของแบร์รี่ครั้งหนึ่งก็ส่งผลให้เขาถูกระรานจากอันธพาลด้วย ดูหนังออนไลน์

 

ชอบเอมิลี วัตสันในเรื่องนี้มาก เธอดูมีเสน่ห์มากในบทนี้ ซึ่งเอาจริงๆแล้วผู้หญิงอย่างลีน่านี่เรียกได้ว่าสวรรค์ประทานมาให้แบร์รี่เลย เพราะคนแบบแบร์รี่โดยบุคลิกแล้วคนอาจจะรู้สึกแปลก ๆ เป็นทุนเดิม แต่พอยิ่งถูกปฏิเสธหรือถูกล้อเลียนบ่อย ๆ มันก็ยิ่ง

 

รีวิว Punch-Drunk Love

 

ทำ ให้เขาทำตัวแปลกเข้าไปอีก ซึ่งลีน่าดูเหมือนจะรับได้และรู้ด้วยว่าควรจะตอบสนองกลับอย่างไร (อาจจะเพราะว่าเธอทำงานเกี่ยวกับการให้คำปรึกษาพอดี) และอันที่จริงการที่เธอแสดงออกอย่างเชิงรุกกับแบรรี่ก็เป็นไปได้ว่าเธอรู้มาก่อนว่าแบร์รี่เป็นคน

 

อย่างไร (ซึ่งรู้แน่ๆ) และตั้งใจแสดงออกแบบนั้นเพื่อหวังผลอย่างชัดเจน (ร้ายกาจมากๆ 555) ส่วนอดัม แซนด์เลอร์ (เผื่อใครไม่รู้ เราชอบแกอยู่แล้วนะ ถ้าหนังมันไม่น่าเบื่อจนเกินไปก็ชอบหนังที่แกเล่นทั้งนั้น) คือบทมันเหมาะกับแกมากๆน่ะ เหมาะในทางที่ดีด้วย 555 ที่จริงมันก็แทบจะไม่ต่างจากบทที่แกเล่นในหนังเรื่องอื่นๆเท่าไรนะ แต่พอบทดี ผู้กำกับเก่ง ดูดีขึ้นมาเฉยเลย

เรื่องย่อ รีวิว Punch-Drunk Love

 

รีวิว Punch-Drunk Love

 

และจุดที่น่าสนใจก็คือจากหนังสามเรื่องแรกเราจะเห็นความเป็นผู้กำกับที่มีสไตล์ชัดเจน และมีความบ้าพลังสูง (การกำกับฉากที่ตัวละครเต็มไปหมดและถ่ายด้วยช็อตลองเทคเป็นสิ่งคุ้นตาในหนังของแอนเดอร์สัน) แต่เรื่องของอารมณ์ยังเป็นสิ่งที่ไม่ชัดเจนนัก ซึ่งดูเหมือนว่าใน Punch-Drunk Love แอนเดอร์สันสนใจความอ่อนไหวในเชิงอารมณ์มากขึ้น การที่เขามาทำหนังที่ความซับซ้อนของพล็อตลดน้อยลง แต่ความซับซ้อนของตัวละครเพิ่มมากขึ้น มันจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจและที่สำคัญแอนเดอร์สันทำได้ดี ดูหนัง 4k

 

มาก และทำโดยยังคงสไตล์ของตัวเองได้อย่างสวยงาม ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่าหนังเรื่องนี้เป็นทั้งบทสรุปของแอนเดอร์สันในยุคแรก และเป็นทั้งสะพานที่เชื่อมไปสู่หนังยุคหลังที่สนใจตัวละครมากขึ้นและลดความฉวัดเฉวียนฉูดฉาดลงไป

 

คงเป็นความรู้สึกภาคภูมิใจและตลกในใจแปลก ๆ เวลาที่เราคิดอะไรในแบบที่คนอื่นคิดไม่ได้ เวลาที่เราฝังตัวอยู่ในโลกส่วนตัว มองสิ่งต่าง ๆ ผ่านแว่นตาของตัวเอง อาจทำให้เรามองเห็นแต่ตัวเองก็เป็นได้ แต่บางครั้ง มันก็ทำให้เราเกิดความรู้สึกผูกพันกับ

 

 

สิ่งที่เรามอง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง โดยปราศจากการชักนำหรือจูงใจจากคนอื่นหรือปัจจัยภายนอก สิ่งนี้เองทำให้ผมรู้สึกเชื่อมโยงกับแบร์รี่ อีแกน (Adam Sandler) เขามีลักษณะของความเป็นนักสังเกตการณ์ (Observer) ซึ่งมักหลบเลี่ยงภาวะที่ต้อง

 

เกี่ยวข้องกับอารมณ์ที่ซับซ้อน ดำเนินชีวิตโดยวางตัวอยู่ห่าง ๆ คอยสังเกตการณ์มากกว่าจะนำตนเข้าไปข้องแวะ และด้วยทักษะความเป็นคนช่างสังเกตนี่เองที่ทำให้เขาประสบกับเรื่องราวทั้งที่ดีและไม่ดีประเดประดังเข้ามา…

 

Punch-Drunk Love จัดเป็นหนังตลกร้ายที่ทำให้ผมเผลอนึกถึงหนังไทยยุคหลัง ๆ ที่เคยดู เช่น มนต์รักทรานซิสเตอร์ (2001), เฉิ่ม (2005) ซึ่งตัวเอกต้องเผชิญกับบททดสอบนานาประการที่ถูกจับโยนเข้ามาให้รับมือ การดำเนินเรื่องมีลักษณะคล้ายกับผืน

 

 

ทะเลราบเรียบที่อยู่ ๆ ถูกจู่โจมด้วยพายุลมแรงและกำแพงคลื่นยักษ์ การเล่าเรื่องโดดเด่นด้วยการใช้ภาพและเสียงสื่ออารมณ์ ทั้งยังแฝงไปด้วยสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่ใส่เข้ามาอย่างโจ่งแจ้ง จนบางครั้งมีลักษณะของความเหนือจริง (Surrealism) อยู่บ้าง ดูหนังออนไลน์ 4k

 

ผมยอมรับว่าเสพหนังของ Paul Thomas Anderson น้อยมาก เรื่องที่เคยผ่านตามีเพียง There Will Be Blood (2007) ที่มีบรรยากาศเข้มข้นและชวนอึดอัด แต่เมื่อเทียบกับเรื่องนี้แล้ว Punch-Drunk Love ดูง่ายกว่า และถ้าจะให้คำนิยามสั้น ๆ

 

สำหรับหนังเรื่องนี้ ผมคงจะจำกัดความเอาเองว่า “Earlier escape, end-up enlightened” หนังเล่าเรื่องของแบร์รี่ เจ้าของกิจการที่ปั๊มชักโครก ผู้ประสบปัญหาในการปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง นอกจากจะต้องรับมือกับความรู้สึกไม่พอใจในตัวเองอยู่ลึก ๆ แล้ว เขายังต้องปวดหัวกับความเจ้ากี้เจ้าการของพี่สาวเจ็ดคนอีกด้วย นี่เป็นหนังรอม-คอมที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์ ด้วยเทคนิคการใช้ภาพและเสียงเป็นองค์ประกอบในการเล่าเรื่องได้อย่างกลมกล่อม

 

 

(รีวิวนี้อาจเหมาะกับผู้ที่เคยดูหนังมาแล้ว เพราะผู้เขียนใส่สปอลย์ไว้หลายส่วนเพื่อประกอบการวิเคราะห์เนื้อหาด้วย) ตลกชะมัดที่เราสามารถเดินทางไปที่ไหนก็ได้ในโลกด้วยพุดดิ้ง คงเป็นความรู้สึกภาคภูมิใจและตลกในใจแปลก ๆ เวลาที่เราคิดอะไรในแบบที่คนอื่นคิดไม่ได้ เวลาที่เราฝังตัวอยู่ในโลกส่วนตัว มองสิ่งต่าง ๆ ผ่านแว่นตาของตัวเอง อาจทำให้เรามองเห็นแต่ตัวเองก็เป็นได้ แต่บางครั้ง มันก็ทำให้เราเกิดความรู้สึกผูกพันกับ

 

สิ่งที่เรามอง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง โดยปราศจากการชักนำหรือจูงใจจากคนอื่นหรือปัจจัยภายนอก สิ่งนี้เองทำให้ผมรู้สึกเชื่อมโยงกับแบร์รี่ อีแกน (Adam Sandler) เขามีลักษณะของความเป็นนักสังเกตการณ์ (Observer) ซึ่งมักหลบเลี่ยงภาวะที่ต้อง

 

เกี่ยวข้องกับอารมณ์ที่ซับซ้อน ดำเนินชีวิตโดยวางตัวอยู่ห่าง ๆ คอยสังเกตการณ์มากกว่าจะนำตนเข้าไปข้องแวะ และด้วยทักษะความเป็นคนช่างสังเกตนี่เองที่ทำให้เขาประสบกับเรื่องราวทั้งที่ดีและไม่ดีประเดประดังเข้ามา…

 

 

Punch-Drunk Love จัดเป็นหนังตลกร้ายที่ทำให้ผมเผลอนึกถึงหนังไทยยุคหลัง ๆ ที่เคยดู เช่น มนต์รักทรานซิสเตอร์ (2001), เฉิ่ม (2005) ซึ่งตัวเอกต้องเผชิญกับบททดสอบนานาประการที่ถูกจับโยนเข้ามาให้รับมือ การดำเนินเรื่องมีลักษณะคล้ายกับผืน รีวิวหนัง

 

ทะเลราบเรียบที่อยู่ ๆ ถูกจู่โจมด้วยพายุลมแรงและกำแพงคลื่นยักษ์ การเล่าเรื่องโดดเด่นด้วยการใช้ภาพและเสียงสื่ออารมณ์ ทั้งยังแฝงไปด้วยสัญลักษณ์ต่าง ๆ ที่ใส่เข้ามาอย่างโจ่งแจ้ง จนบางครั้งมีลักษณะของความเหนือจริง (Surrealism) อยู่บ้าง

 

ผมยอมรับว่าเสพหนังของ Paul Thomas Anderson น้อยมาก เรื่องที่เคยผ่านตามีเพียง There Will Be Blood (2007) ที่มีบรรยากาศเข้มข้นและชวนอึดอัด แต่เมื่อเทียบกับเรื่องนี้แล้ว Punch-Drunk Love ดูง่ายกว่า และถ้าจะให้คำนิยามสั้น ๆ

 

 

สำหรับหนังเรื่องนี้ ผมคงจะจำกัดความเอาเองว่า “Earlier escape, end-up enlightened” หนังเล่าเรื่องของแบร์รี่ เจ้าของกิจการที่ปั๊มชักโครก ผู้ประสบปัญหาในการปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง นอกจากจะต้องรับมือกับความรู้สึกไม่พอใจในตัวเองอยู่

 

ลึก ๆ แล้ว เขายังต้องปวดหัวกับความเจ้ากี้เจ้าการของพี่สาวเจ็ดคนอีกด้วย นี่เป็นหนังรอม-คอมที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์ ด้วยเทคนิคการใช้ภาพและเสียงเป็นองค์ประกอบในการเล่าเรื่องได้อย่างกลมกล่อม

 

ฮาโมเนียม (Harmonium: ลักษณะคล้ายเปียโนขนาดเล็ก) อาจสื่อถึงการสร้างความสัมพันธ์ หลังจากที่รถพลิกคว่ำให้แบร์รี่เห็นต่อหน้าต่อตาแล้ว ก็ปรากฏแท๊กซี่สีแดงอีกคันแล่นมาจอดลงที่หน้าประตูบริษัท นำฮาโมเนียมมาวางทิ้งไว้ แล้วก็จากไป

 

ฉากนี้ผู้ชมจะได้รับประสบการณ์เดียวกันกับแบร์รี่คือ ตะลึงงันว่า เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมอยู่ ๆ รถถึงนำฮาโมเนียมมาทิ้งไว้หน้าบริษัท ? ไม่กี่นาที ก็มีสตรีชุดแดงนาม ลีนา เลนเนิร์ด  (Emily Watson) เข้ามาขอจอดทิ้งไว้เพื่อรอให้บริษัทซ่อมมารับไป

 

หลังจากนั้น แทบทุกครั้งที่สองคนนี้พบกัน จะปรากฏฮาโมเนียมตัวนี้เข้าฉากด้วย ราวกับเป็นประจักษ์พยานการสานสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสอง ฮาโมเนียมได้ปรากฏตัวในหลาย ๆ ฉาก เช่น ฉากการพบกันครั้งแรกระหว่างแบร์รี่และลีนา ฉากการสนทนาในห้องทำงานส่วนตัวของเขา หรือกระทั่งในฉากจบ แบร์รี่ก็ยังอุตสาห์แบกฮาโมเนียมไปพบกับลีนาที่หน้าประตูห้องของหล่อน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *