รีวิว เจ้าเหมียวจิบิหายไปไหนนะ

อันที่จริงหนังญี่ปุ่นกับน้องเหมียวนี่แทบจะเป็นของคู่กันไปแล้วในช่วงหลายปีหลังมานี้ และถือว่าเป็นตลาดหนังที่จับตลาดเฉพาะกลุ่มทาสแมวได้เรื่อย ๆ แทบจะเรียกว่า น้องเหมียว เป็นสัตว์มีมูลค่าในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่ามันมักจะมาพร้อมความซึ้งระดับพรากน้ำตาคนดูอยู่เนือง ๆ และที่สำคัญคือ แมว มักถูกนำมาใช้เป็น ‘จุดเปลี่ยน’ นำพาตัวละครได้เรียนรู้และเปลี่ยนผ่านความคิดบางอย่างให้เติบโตขึ้นเสมอ ดูหนังฟรี

 

สำหรับ Only The Cats Know สร้างจากมังงะดังเรื่อง Otousan, Chibi ga Inakunarimashita (2013-2015) ของอาจารย์ นิชิ เคย์โกะ ส่วนเวอร์ชั่นภาพยนตร์กำกับโดย โคบายาชิ โชทาโร่ (คอหนังญี่ปุ่นอาจรู้จักงานแกอย่าง Maestro! และ Hamon: Yakuza Boogie)

 

รีวิว เจ้าเหมียวจิบิหายไปไหนนะ

 

หนังเล่าเรื่องราวของ มาซารุ และ ยูกิโกะ สองสามีภรรยาที่แต่งงานและใช้ชีวิตร่วมกันมากว่า 44 ปี มีลูกด้วยกัน 3 คน รวมทั้งเลี้ยงเจ้าแมวดำไว้หนึ่งตัวชื่อว่า ‘จิบิ’ วันเวลาล่วงเลยไป ลูกทั้ง 3 ก็โตเป็นผู้ใหญ่จนออกไปมีครอบครัวและดูแลตัวเองข้างนอก

 

กันหมด เหลือเพียงสองตายายอย่าง มาซารุ และ ยูกิโกะ กับ แมวดำ 1 ตัวเป็นเพื่อน แต่ปัญหาความสัมพันธ์ของทั้งคู่กลับสั่นคลอน เนื่องจากมาซารุ ไม่ใช่คนที่ชอบแสดงความรู้สึก อีกทั้งยังทำเหมือนยูกิโกะไร้ตัวตนในแต่ละวันที่ผ่านไป ความสัมพันธ์ส่วนนี้ยิ่งสะท้อนให้เห็นภาพภรรยาญี่ปุ่นสมัยก่อนที่รับบทเป็นช้างเท้าหลัง ตามล้างตามเช็ด และอาจรวมถึงรองรับอารมณ์สามี

 

รีวิว เจ้าเหมียวจิบิหายไปไหนนะ

 

ยูกิโกะ จึงเหมือนมีเพียง จิบิ เป็นเพื่อนแท้อยู่เคียงข้างเท่านั้นในแต่ละวันที่ผ่านไป ความอึดอัดที่เธอมีมานานในความสัมพันธ์เสมือนไร้ตัวตนเริ่มก่อตัวขึ้นจนถึงจุดที่ ยูกิโกะ คิดถึงการขอหย่าขาดจาก มาซารุ Only The Cat Knows เป็นหนังครอบครัวที่สามารถสะท้อนปมต่าง ๆ เรื่องความสัมพันธ์ได้หลากหลายมากจากหนึ่งครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการบริหารความสัมพันธ์หลังการแต่งงาน-midlife crisis และความเหงาที่มาเล่นงานชีวิตทั้งวัยทำงาน

 

ไปจนถึงกลุ่มสูงวัย ตรงนี้หนังทำได้ดีตรงที่ไม่เร่งร้อนในการเดินเรื่อง มันไหลไปเรื่อย ๆ แต่ไม่รู้สึกว่าเนือย ไม่ได้ขลุกอยู่กับปมใดนาน ๆ แต่ให้คนดูซึมซับกับปัญหาและมุมมองของคนแก่สองคนที่มีต่อกันในวันที่ทุกอย่างกำลังเดินทางไปถึงจุดที่ ‘หมดรัก’ ซึ่งทั้งหมดทำได้ค่อนข้างลงตัวมาก

 

รีวิว เจ้าเหมียวจิบิหายไปไหนนะ

 

หนังไม่ค่อยเลือกเล่าในมุมที่เสี่ยง มันค่อย ๆ ไหลไปแบบมีเหตุและผลของมัน เราจะไม่ได้เห็นอะไรที่รุนแรงบดขยี้ดราม่าน้ำตานองอย่างที่คิด แต่ด้วยปมหน่วง ๆ ที่มีอยู่ มันดูน่าสนใจไปกับความสัมพันธ์สองตายายที่ใครหลายคนคิดว่ามันมั่นคง ก็กลับ รู้สึกเข้าถึงปมในใจของทั้งคู่ ที่ปูมาตั้งแต่สมัยหนุ่มสาว

เรื่องย่อ รีวิว เจ้าเหมียวจิบิหายไปไหนนะ

หนังเน้นย้ำถึงจุดหักเหและการตัดสินใจในอดีต ในวัยหนุ่มสาว ที่ในอีกมุมหนึ่ง ก็สามารถกลายเป็นความทรงจำที่ส่งผลกระทบกับชีวิตคน ๆ หนึ่งให้กลายเป็นปมแน่น ๆ ที่แก้ยากในวันแก่เฒ่าได้สำหรับน้องเหมียว จิบิ (หรือเจ้า ริงโงะ) นั้นส่วนตัวแอบรู้สึกเสียดายเล็ก ๆ ที่หนังจงใจที่จะไม่ได้โฟกัสกับมันมากเท่าไหร่ ดูหนังใหม่

 

ไม่ได้เดินไปใน way เดียวกับพวก The Travelling Cat Chronicles หรือ if Cat Disappear From the World. และเพราะหนังปูส่วนนี้น้อยไปนิดในช่วงต้น เลยทำให้คนดูไม่ได้รู้สึกผูกพันกับการ ‘มีอยู่หรือไม่มี’ ของมันไปด้วย แต่ที่รู้สึกได้คือ เจ้า จิบิ เนี่ย เป็นแมวที่เลี้ยงง่ายมาก วางตรงไหนก็นิ่งตรงนั้นเลย ประเภทเทคเดียวผ่าน

 

 

เรียกว่าเป็นแมวที่เก๋าพอตัวในวงการ (ฮา) การหายไปของ เจ้าจิบิ ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนต่อความสัมพันธ์ของ ยูกิโกะ และ มาซารุไม่เพียงเท่านั้น ยังส่งผลให้ลูก ๆ ที่จากบ้านไปไกลได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าได้รับฟังปัญหาความสัมพันธ์ของฝั่งคนหนุ่มสาว

 

ความซับซ้อนในความสัมพันธ์ที่หลากหลายออกไปอีก มุมมองความรักที่แตกต่างระหว่าง เบบี้ บูมเมอร์ ที่ส่วนใหญ่ลงหลักปักฐานจากการดูตัวหรือคลุมถุงชน กับคนทำงานยุคนี้ในวัย 30 กว่าที่กำลังสร้างตัวและเริ่มเดินเข้าสู่คำถามของความสัมพันธ์ กับความที่เป็นเจนที่ ‘ผ่านกระบวนการคิดเยอะกว่า’

 

 

Only The Cat Knows มีแนวทางที่แทบจะเป็นแพทเทิร์นเดียวกับหนังชีวิตครอบครัวญี่ปุ่น โดยเฉพาะ After Storm มุ่งไปที่ความสัมพันธ์ครอบครัว แชร์มุมมองของคนสองเจนที่ contrast กันจ๋า ๆ จนออกมากลมกล่อม แล้วหาทางลงให้ทั้งสองฝ่าย เข้าใจมุมมองของกันและกัน สิ่งที่ส่วนตัวชอบคือมันมีการหยิบจับจุดเด่นรอบตัวใน culture ของความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิมมา เป็นส่วนที่มาสะท้อนปัญหาได้ดีไม่ว่าจะเป็น แมว ภัยธรรมชาติ หรือแม้แต่ใบชา ถูกนำมาเป็นสื่อกลางที่นำพาไปสู่ปลายทางคือความหมายของสัมพันธ์ครอบครัว

 

จริงอยู่ที่พลอตประมาณนี้หนังมันก็จะจืด ๆ เรื่อย ๆ เอื่อย ๆ สำหรับใครหลายคนไปบ้าง แต่สิ่งที่หนังเรื่องนี้ทำได้ดีจนน่าปรบมือให้คือความรู้สึก ‘ดีต่อใจ’ ที่ส่งผ่านมาถึงคนดู ภายใต้ความไร้เดียงสา ดูไม่มีพิษภัยของหนัง ภายใต้ความเรียบง่าย การเล่าเรื่อง เชย ๆ แต่กลับสะท้อนมุมมองความรัก ความห่วงใย ๆ ดี ๆ ได้ลุ่มลึกและกลมกล่อมเกินคาด และดูเหมือนเจ้าเหมียวสามัญประจำบ้าน มันก็ยังเป็นสัตว์ที่ฉลาดลุ่มลึก เกินที่มนุษย์จะหยั่งถึง

 

 

มันรู้ว่ามันต้องทำยังไงเพื่อที่จะทำให้คนในบ้านหยุดตีกันได้! สุดท้ายอีกคนไม่สนใจ เขามีอะไรอยู่ในใจไหม พยายามใจใส่แต่อีกคนไม่ตอบรับ มันก็ทำให้คิดว่าความรักไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้วได้ สุดท้ายเมื่อคนสองคนได้ตัดสินใจคุยกัน ก็รู้ว่าจริงๆ รักและชอบกันมาตลอด ระยะเวลาชีวิตที่อยู่ด้วยกันมาจนแก่

รีวิว เจ้าเหมียวจิบิหายไปไหนนะ

แต่ไม่มีใครเอ่ยปากพูด เพราะคิดว่าอีกคนคงไม่ได้รักเราหรอก อยู่ไปด้วยกันเพราะความจำเป็น เพราะลูกๆ เพราะการดูตัว ซึ่งจริงๆ ผู้ชายก็ชอบผู้หญิงตั้งแต่แรกพบเมื่อตอนวัยรุ่น หนังสะท้อนวัฒนธรรมครอบครัวญี่ปุ่นที่ผู้ชายเป็นใหญ่ในบ้าน และภรรยาปรนนิบัติสามีอย่างสมบูรณ์แบบ จนบางทีเราก็แอบเซอร์ไพรส์ อีกหนึ่งจุดเด่นคือ รีวิวหนัง

 

หนังสื่อภาพชีวิตประจำวันของแม่บ้านญี่ปุ่นวัยเกษียณใน 1 วันได้อย่างน่ารัก ตรงไปตรงมา แต่ค่อนไปทางเนิบช้า มาซารุเป็นตัวแทนสามีญี่ปุ่นที่มักชอบวางมาด เข้าใจว่าการแสดงออกความรักเป็นเรื่องน่าอาย จึงแสดงเป็นเย็นชาแทน จนอีกฝ่ายไม่รู้ความในใจตั้งแต่สาวยันแก่ ซึ่งแสดงถึงความ Conservative ที่แม้การแสดงออกของฝ่ายสามีจะไม่น่ารัก แต่ภรรยายัง

 

 

ต้องทำหน้าที่ให้เป๊ะ เริ่มจากทำอาหารเช้าและเบนโตะ ซักผ้า ทำความสะอาดบ้าน จ่ายตลาดเลือกของที่ทำกับข้าวมื้อเย็น เตรียมน้ำร้อนแช่ตัว และฟูตองให้สามี ในขณะเดียวกันหนังก็มีข้อโต้แย้ง โดยมีนาโอโกะเป็นตัวแทนฝั่ง Feminist หัวสมัยใหม่ที่เคยผิดหวังเรื่องความรัก และเห็นชีวิตที่เหงาของแม่ จึงเลือกใช้ชีวิตสตรองแบบตัวคนเดียว เข้าคอนเซ็ปท์ “แม้จะต้องเหงาจนเฉาตาย แต่ก็ดีกว่าที่จะมีคนรักที่ไม่

 

เหลียวแล” คาร์แรกเตอร์ของเธอจึงเก่งกว่าผู้ชายทั้งด้านหน้าที่การงานที่เป็นถึงหัวหน้าแผนกและเงินเดือนสูงกว่าแฟนเก่า และการใช้ชีวิต ในความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่เพียงนาโอโกะเท่านั้นที่สตรอง แต่คุณแม่ยูกิโกะสตรองกว่า เพราะการใช้ชีวิตอยู่กันมาแบบไม่ได้รู้สึกได้รับความรัก มันเหงามากกว่า แต่ก็มีมุมหักล้างคือ คนที่จะคบกับผู้ชายญี่ปุ่นน่าจะเข้าใจในเรื่องการไม่แสดงความรักเป็น

 

 

อย่างดีอยู่แล้ว จึงไม่ต้องการเรียกร้องความรักอะไร แต่จริงๆ ความรักเป็นเรื่องของการเข้าใจ และให้กำลังใจกันและกันอย่างสม่ำเสมอมากกว่า เหมือนประโยคหนึ่งของยูกิโกะว่า “ไม่ต้องช่วยตามหาแมว แต่แค่ให้เข้าใจในความรู้สึกที่แมวฉันหายไปแค่ นั้นก็พอ” ถึงอีกฝ่ายจะแสดงออกว่ารัก พูดจาหวาน เอาใจซื้อของขวัญให้ไม่เป็น แต่การแสดงออกว่าเข้าใจก็ทำให้รู้ว่ารักอยู่ได้เหมือนกัน เรียกว่าดูจนจบก็แอบลุ้น ให้ความรัก 44 ปีของยูกิโกะไม่ใช่การรักเพียงข้างเดียว ถือเป็นหนังญี่ปุ่นที่อบอุ่นเรื่องหนึ่ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *