รีวิว IO ผู้ยืนหยัดคนสุดท้าย
IO เป็นหนัง Netflix ที่โผล่มาแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง คือเปิดหน้า Netflix มาแล้วเจอเลย ไม่เคยเห็นที่ไหนรีวิว ไม่เคยเห็นโฆษณา แต่หน้าหนังกับตัวอย่างหนังสะกดเราให้ดูต่อ โดยเฉพาะความเป็นไซไฟทริลเลอร์ที่ดูเผินๆ แล้วน่าติดตามมาก ไม่นานนักก็ตัดสินใจกดดูเลย ใจง่ายปานนั้น แต่เมื่อผ่านไปได้สักประมาณครึ่งชั่วโมง ถึงได้ค้นพบว่าหน้าหนังกับหนังจริงๆ นั้นโคตรต่างกัน! เว็บดูหนัง
IO บอกเล่าเรื่องราวของโลกที่ต้องเผชิญภาวะ “อยู่ไม่ได้” คือสิ่งมีชีวิตไม่สามารถอยู่รอดได้เพราะอากาศเป็นพิษมากเกินไป (เอ๊ะคุ้นๆ) ผู้คนและสรรพสัตว์ต่างล้มตายเป็นจำนวนมาก มนุษย์จึงตัดสินใจว่าจะอพยพออกไปตั้งถิ่นฐานนอกโลก จึงเกิดเป็นโปรเจ็กต์ชื่อ Exodus ซึ่งมีถิ่นที่ตั้งอยู่แถวๆ ดวงจันทร์ IO ของดาวพฤหัสฯ
ด้วยเหตุนี้เราจึงแทบไม่เห็นใครๆ อยู่บนโลกแล้วละ…ยกเว้นก็แต่นางเอกอย่างแซม วัลเดน นักวิทยาศาสตร์ที่ยังคงปักหลักอยู่นอกเมือง ด้วยจิตมุ่งมั่นต้องการพิสูจน์ว่าโลกนี้ไม่ได้กำลังจะตาย แต่กำลังรักษาตัวเอง และพยายามฟื้นฟูเพื่ออยู่รอด ดังนั้นสิ่งมีชีวิตย่อมอยู่ได้หากสามารถปรับตัวเข้ากับ
สภาพแวดล้อมใหม่ โอโหมองโลกแง่ดีมาก เธอพยายามทำการทดลองกับสิ่งมีชีวิตหลายชนิดเพื่อพิสูจน์ข้อสันนิษฐานนี้ ตามรอยพ่อของเธอซึ่งเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ยืนยันไอเดียนี้เช่นกันวันหนึ่ง หน้าบ้านแซมก็มีบอลลูนลอยมา คนที่ออกมาจากบอลลูนคือไมคาห์ ชายปริศนาที่ตั้งใจจะมาหาพ่อของแซม แต่เมื่อค้นพบว่าพ่อแซมไม่อยู่ เขาก็ยืนยันว่าจะรอ เลยกลายเป็นว่าแซมได้เพื่อนร่วมบ้านเป็นไมคาห์มาอีกหนึ่งคน ไมคาห์นั้นได้ตัดสินใจ
ว่าจะขึ้นยานลำสุดท้ายที่จะออกจากโลกในเร็วๆ นี้ ส่วนแซมก็ต้องตัดสินใจว่าจะอยู่หรือจะไปด้วย ท่ามกลางบรรยากาศบนโลกที่ดูโหดร้ายขึ้นเรื่อย ๆ อย่างที่เกริ่นไปในตอนแรก เราแอบคาดหวังว่าจะได้เห็นฉากไซไฟ ซีนอวกาศ โมเม้นต์วิ่งหนีเอาตัวรอดแบบหอบหืดๆ และความลุ้นตื่นเต้นแบบไม่มองนาฬิกา แต่เอาเข้าจริงคือสิ่งที่เราคาดหวังทั้งหมดนั้นแทบไม่ปรากฏในหนังเลย โทนของหนังในเรื่องก็ห่างไกลจากที่เราคิดไว้ลิบลับ ส่วน IO ที่เป็นชื่อหนังนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรไปมากกว่าชื่อของดวงจันทร์ที่ถิ่นใหม่ของมนุษย์อยู่ใกล้ๆ เว็บดูหนังฟรี
ตัวหนังไม่ค่อยหย่อนเหตุการณ์น่าตื่นเต้นมาระหว่างทางเท่าไร เส้นเรื่องค่อนข้างเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แม้จะมีปริศนาแต่ก็ไม่ได้กระตุ้นให้ชวนอยากรู้คำตอบ จนบางทีอาจจะรู้สึกว่าหนังมันเอื่อยๆ เฉื่อยๆ ไปหน่อย ฟังแบบนี้คงเริ่มท้อว่าหนังต้องน่าเบื่อแน่ๆ ซึ่งถ้าตอบแบบตรงๆ ก็คืออือ น่าเบื่อกว่าที่คิดไว้แหละ
แต่ถึงขั้นปิดจอแล้วไปทำอย่างอื่นมั้ย? ก็ไม่ขนาดนั้น เพราะท่ามกลางความนิ่งของหนังที่โลดแล่นบนฉากไม่กี่ฉากบนโลกที่แสนจะเคว้งคว้าง เรากลับรู้สึกค่อยๆ ผูกพันไปกับตัวละคร ติดตามบทสนทนาและคำพูดที่ดูเหมือนไม่มีอะไรแต่ก็รู้สึกว่าแฝงไปด้วยนัยยะบางอย่าง บวกกับรูปประโยคคำพูดที่ใช้ก็
เรื่องย่อ รีวิว IO ผู้ยืนหยัดคนสุดท้าย
ฟังดูสละสลวย เราเป็นคนชอบประโยคที่เรียงสวยๆ แบบแฝงความนัยบางอย่างไว้น่ะ เลยตามติดไปกับหนังได้พอสมควร แม้จะรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างก็ตาม แต่บางครั้งแค่ได้ฟังมันก็เพราะหูดี มีการอ้างอิงถึงตำนานกรีกและเทพปกรณัมอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเราสารภาพว่าเราไม่เข้าใจ ใครที่มีความรู้ตรงนี้อาจจะทำให้ยิ่งอินกับหนังมากขึ้น หนังฟรี
แน่นอนว่าพอมีตัวละครอยู่แค่ 2 ตัวบนโลกที่ไม่เหลือใครแล้ว บรรยากาศความเหงาย่อมมาเป็นธรรมดา เราชอบการที่แซมส่งอีเมลคุยกับแฟนหนุ่มอย่างอีลอนที่ย้ายไปอยู่ IO แล้ว การต้องคุยกับคนรักที่อยู่ห่างกันเกือบ 600 ล้านกิโลเมตรผ่านตัวหนังสือนี่มันดูโคตรเหงาเลย โคตรเคว้ง ไหนจะประโยคต่อท้ายของทั้งคู่ที่ว่า From Earth/IO until The End of The Universe ยิ่งเพิ่มขีดดีกรีความเหงาไปขั้นสุด
โดยรวมแล้ว IO ไม่ใช่หนังสำหรับทุกคน ไม่เหมาะสำหรับคนชอบไซไฟเอ็ฟเฟ็กต์ตระการตา น่าจะเหมาะสำหรับสายอาร์ตหรืออินดี้มากกว่า ดูๆ ไปแล้วหนังมีความดราม่าระดับนึงเลย และอาจทำให้หลับได้เพราะการดำเนินเรื่องที่นิ่งๆ เรื่อย ๆ แต่ถ้าใครชอบดูหนังที่แฝงความนัย ไม่บอกคำตอบชัดเจนแม้กระทั่งตอนจบที่เราก็ยังงงๆ อยู่ ก็สามารถลองไปดูกันได้ แล้วมาคุยกันว่าตอนจบเป็นยังไง ป.ล. อีกหนึ่งเสน่ห์ของหนังน่าจะเป็นนางเอกอย่างแซมที่นำแสดงโดย Margaret Qualley สวยแบบเท่ๆ ดี และเพราะยังไม่ค่อยคุ้นหน้าเท่าไรด้วยมั้งเลยรู้สึกว่าเธอดูใหม่ดี
แซม คือ นักวิทยาศาสตร์ คนสุดท้ายบนโลก เนื่องจากโลกประสบปัญหามลพิษจนไม่เหลือสิ่งมีชีวิตใด ๆ ดำรงอยู่ได้อีก ประชากรโลกส่วนใหญ่เลือกเดินทางสู่อาณานิคมในอวกาศซึ่งตั้งอยู่แถวดวงจันทร์ไอโอของดาวพฤหัสบดี แต่แซมยังคงเชื่อว่าโลกยังมีความหวังที่จะฟื้นฟูได้ เช่นเดียวกับพ่อของเธอ แต่แล้วเมื่อโลกดูเหมือนจะขับไล่เธอมากขึ้น เธอก็มีทางเลือกแค่จะไปขึ้นยานลำสุดท้ายที่จะออกจากโลกกับผู้มาเยือนแปลกหน้าอย่าง ไมกาห์ หรือ จะดันทุรังอยู่บนโลกที่เธอรักต่อไป
IO Last on Earth เป็นหนังไซไฟผลงานของ โจนาธาน เฮลเพิร์ต ซึ่งเติบโตมากับหนังสายยุโรปอย่างฝรั่งเศส และนี่เป็นหนังขนาดเรื่องที่ 2 ของเขาเท่านั้น ในขณะที่เรื่องแรกอย่าง House of Time (2015) ที่ฉายในฝรั่งเศสก็เป็นแนวไซไฟคอเมดี้ ซึ่งทำให้เห็นว่าตัวเขานั้นสนใจในหนังแนวไซไฟ หรือแฟนตาซีอยู่ไม่น้อย และสำหรับ IO ก็เป็นการบิดแนวหนังไซไฟมาเล่นเชิงดราม่าปรัชญาและการแสวงหาความหมายของชีวิตสุดท้ายบนโลก โดยอิทธิพลการเล่าเรื่องหลัก ๆ นั้นน่าจะมาจากหนึ่งในทีมเขียน
บท และโปรดิวเซอร์ของหนัง อย่าง ชาร์ล สเปโน ที่เคยมีงานอย่าง Embers (2015) ซึ่งว่าด้วยโลกอนาคตที่ผู้คนต่างสูญเสียความทรงจำและผู้รอดชีวิตต่างแสวงหาความเชื่อมโยงกับโลกและผู้อื่น ด้วยเนื้อหาและลีลาการเล่าเชิงกวีปรัชญานั้นก็ไม่ต่างจาก IO เลยทีเดียว ดูจากเรื่องย่อก็พอจับความได้ว่าหนังจาก เน็ตฟลิกซ์ออริจินัล เรื่องนี้ น่าจะมีความอินดี้แบบเรื่อยเอื่อยอยู่ไม่เบา เพราะหนังมีตัวละครหลัก ๆ แค่ 2-3 คน กับความยาว 96 นาที แต่เล่าไป 2 บรรทัดนิด ๆ ก็แทบจบเรื่องแล้ว ดูเหมือนว่าหนังไซไฟของเน็ตฟ หนังใหม่
ลิกซ์นั้น จะกลายเป็นขึ้นชื่อในเรื่องความปรัชญาอินดี้ปลายเปิด บางทีไม่สนการกระตุ้นคนดูระหว่างทางเลยด้วยซ้ำ อย่างปีที่ผ่านมาก็มีหนังอย่าง Bird Box หรือ Annihilation ซึ่งก็เป็นจุดแข็งของหนังค่ายนี้ เพราะจะรอสตูดิโอฮอลลีวู้ดผลิตออกมาก็คงไม่มีวันล่ะกับหนังที่ทำท่าจะไม่ได้ตังค์ในโรงแบบนี้ และข้อดีของหนังฉบับเน็ตฟลิกซ์นี่ล่ะที่เราต้องมาแนะนำหนังเรื่องนี้กัน
รีวิว IO ผู้ยืนหยัดคนสุดท้าย
IO Last on Earth เป็นหนังไซไฟผลงานของ โจนาธาน เฮลเพิร์ต ซึ่งเติบโตมากับหนังสายยุโรปอย่างฝรั่งเศส และนี่เป็นหนังขนาดเรื่องที่ 2 ของเขาเท่านั้น ในขณะที่เรื่องแรกอย่าง House of Time (2015) ที่ฉายในฝรั่งเศสก็เป็นแนวไซไฟคอเมดี้ ซึ่งทำให้เห็นว่าตัวเขานั้นสนใจในหนังแนวไซไฟ หรือแฟนตาซีอยู่ไม่น้อย และสำหรับ IO ก็เป็นการบิดแนวหนังไซไฟมาเล่นเชิงดราม่าปรัชญาและการแสวงหาความหมายของชีวิตสุดท้ายบนโลก โดยอิทธิพลการเล่าเรื่องหลัก ๆ นั้นน่าจะมาจากหนึ่งในทีมเขียน ดูหนังฟรี
บท และโปรดิวเซอร์ของหนัง อย่าง ชาร์ล สเปโน ที่เคยมีงานอย่าง Embers (2015) ซึ่งว่าด้วยโลกอนาคตที่ผู้คนต่างสูญเสียความทรงจำและผู้รอดชีวิตต่างแสวงหาความเชื่อมโยงกับโลกและผู้อื่น ด้วยเนื้อหาและลีลาการเล่าเชิงกวีปรัชญานั้นก็ไม่ต่างจาก IO เลยทีเดียว ด้วยสไตล์แบบหนังยุโรปจึงอาศัยความนิ่ง และแรงกระตุ้นความสนใจผู้ชมผ่านบทสนทนาที่มีไม่มากแต่แฝงนัยยะบางอย่าง โดยหลายครั้งมักอ้างอิงตำนานเทพปกรณัม และหนังสือปรัชญากรีกมาพูดกันเสมอ ซึ่งสายอาร์ตหรือสายปรัชญา ชอบกระตุ้น
สติปัญญาผ่านหนังน่าจะเป็นที่สนใจ แต่สำหรับสายสมองอ่อนเพลียต้องการแสวงหาหนังมาเป็นคาเฟอีนให้ดวงตาต้องบอกว่า นี่มันยานอนหลับเบนโซไดอะซีปีนชัด ๆ เลย ดังนั้นใครเป็นข้อหลังขอให้ผ่านไปก่อนเลยนะครับ แต่ถ้าใครผ่านข้อสอบคัดตัวข้อแรกนี้ไปก็มาอ่านรีวิวกันต่อเลย
หนังได้ดาราสาวอเมริกันหน้ายังไม่ช้ำอย่าง มาร์กาเร็ต ควอลลี ที่เคยมีผลงานในหนังเน็ตฟลิกซ์อย่าง Death Note ในบท มีอา และสายอาร์ตอาจคุ้นหน้าเธอจากโฆษณา Kenzo World เมื่อปี 2017 ที่เธอต้องเต้นแบบชนเผ่าในชุดราตรีพาดผ่านโถงอาคาร โดยมีฉากเต้นหน้ากระจกโดยไร้เงากล้องสะท้อนได้อย่างน่าทึ่งมาแล้ว ตัว ควอลลี รับบท แซม ที่เรียกว่าแทบจะต้องแบกหนังกว่าค่อนเรื่องไว้ลำพังก่อนที่ตัวละครแขกแปลกหน้าอย่าง ไมกาห์ ที่แสดงโดย แอนโธนี แมกกี้ หรือรู้จักกันดีในบท
ฟาลคอน ในหนังซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวล จะมาเยือน และต้องบอกว่าด้วยเสน่ห์หรือเซ็กแอพพีลของควอลลี ประกอบกับใบหน้าที่มีโครงสวยชวนมอง ก็สามารถทำให้ผู้ชมอยากดูอยากมองอยู่ไม่น้อยประกอบกับหนังค่อย ๆ เพิ่มรายละเอียดและปริศนาต่าง ๆ ในชีวิตของแซมมามากขึ้น ๆ ทั้งการตอบจดหมายของเธอกับแฟนหนุ่มที่ชื่อ ลีออน ซึ่งออกจากโลกไปดวงจันทร์ไอโอก่อนหน้า ก็เป็นความโรแมนติกชวนเหงาเล็ก ๆ โดยเฉพาะคำลงท้าย ดูหนังออนไลน์
จดหมายที่ส่งถึงกันว่า จากโลกถึงสุดขอบจักรวาล ที่ได้อารมณ์เหงามาก ๆ ทั้งความจริงเกี่ยวกับ ดร.วอลเดน ซึ่งเป็นพ่อของเธอที่เราได้ยินเสียงในวิทยุมาตลอดเรื่อง และตัวตนและเป้าหมายที่แท้จริงของชายปริศนาอย่าง ไมกาห์ ผู้รอบรู้ปรัชญากรีกก็ทำให้ เรายังคงติดต่อกับสารของหนังได้เรื่อย ๆ ถึงหนังจะไม่มีสัตว์ประหลาดอะไรให้ตื่นเต้น หรืออุปสรรคแบบหนังยานอวกาศให้ต้องลุ้นวินาทีต่อวินาที และบรรยากาศของการเล่าเรื่องจะชวนไปทำอย่างอื่นระหว่างดูเสียเหลือเกินก็ตาม
สรุปว่าหนังเรื่องนี้ของเน็ตฟลิกซ์คงเหมาะกับคนดูเฉพาะกลุ่มมากกว่า ถ้าเทียบแบบหนังชินไค ก็เป็นยุค Voices of a Distant Star มากกว่า Your Name อย่างแน่นอน แต่ที่น่าสนใจคืออารมณ์ร่วมระหว่างดูมันได้กับสถานการณ์ฝุ่นละอองในอากาศเป็นพิษอยู่ในขณะจริง ๆ รีวิวหนัง