รีวิว มี บีฟอร์ ยู
หนังรักเรื่องล่าสุดที่จอคิวฉายในไทยโดยจะมีรอบพิเศษให้ชมกันก่อนตั้งแต่ 28 พฤษภาคมนี้ รอบ 2 ทุ่มเป็นต้นไป และจะเข้าแบบเต็มระบบอีกทีในวันที่ 2 มิถุนายน ซึ่งปกติหนังที่กล้าลงรอบพรีวิวก่อนแบบนี้ก็มักจะมีของอะไรบางอย่างที่อยากให้เกิด กระแสปากต่อปากของแฟนๆหนังไปถึงคนทั่วไปนั่นเอง บางเรื่องก็สำเร็จบางเรื่องก็แป้ก ๆ มีผสมกันไป และสำหรับเรื่องนี้แน่นอนว่ามีของ แต่จะเยี่ยมยอดมั้ยเชิญอ่านเลยครับ ดูหนัง
หนังสร้างจากนิยายชื่อเดียวกันเมื่อปี 2012 ของ Jojo Moyes ที่มาทำหน้าที่เขียนบทหนังด้วยตัวเองด้วย แล้วก็ได้ผู้กำกับหญิงที่ผ่านงานโทรทัศน์แนวพีเรียดมาและเพิ่งกำกับหนังเรื่องแรกคือเรื่องนี้อย่าง Thea Sharrock โดยจุดขายของหนังก็คงไม่พ้น
เนื้อเรื่อง รีวิว มี บีฟอร์ ยู
หนังแนวเดียวกัน ที่เอามาจากนิยายที่มียอดจำหน่ายสูง มีแฟนติดตามมาก แล้วก็เอาดาราดาวรุ่งมาเล่น ซึ่งงานนี้ก็ได้ทั้ง คุณแม่มังกรไฟจากเกมออฟโธรน Emilia Clarke มารับบทนางเอก ลูอิซา คลาร์ก สาวบ้านนอกใสซื่อที่กำลังเร่งหางานทำเพื่อ
แก้ปัญหาการเงินของที่บ้าน และได้พ่อหนุ่มนักล่าจากฮังเกอร์เกม Sam Claflin มารับบท วิลเลี่ยม เทรเนอร์ หนุ่มนักธุรกิจจากครอบครัวฐานะร่ำรวยที่ประสบอุบัติเหตุจนเป็นอัมพาตตั้งแต่คอลงไป เรียกว่าองค์ประกอบสำหรับหนังรักโรแมนติก-คอมเมดี้จากนิยายดังมาครบครันทีเดียว
เนื้อเรื่อง คร่าวๆ คือหนังเล่าผ่านมุมมองนางเอก ลูอิซา ที่กำลังตกงานและต้องรีบหางานทำช่วยแบ่งเบาภาระทางบ้าน ซึ่งบังเอิญได้เจองานดูแลคนพิการเงินดีแถมเซ็นสัญญายาวถึง 6 เดือนซะด้วย นี่คือจุดเริ่มต้นการพบพานของเธอกับ วิลเลี่ยม ที่เดินสูตรหนังรักแบบพ่อแง่แม่งอน จากไม่ถูกชะตา พระเอกคอยแกล้งและหงุดหงิดใส่นางเอก จนค่อยๆผูกพันและกลายเป็นความรักในที่สุด… ดูหนังออนไลน์
ถ้าจบแค่นี้ตัวนิยายคงไม่ดังมากขนาดนี้แน่ๆ และคงไม่ใช่หนังมีของอย่างที่บอกตอนต้น เพราะความเจ๋งของมันนั้นอยู่ในช่วงครึ่งหลังของหนัง เมื่อนางเอกได้รู้ความจริงบางอย่างเกี่ยวกับตัวพระเอก… (สปอยล์นิดๆแบบไม่สุดอ่านด้านล่างของรีวิวต่อนะครับ ตรงนี้เกริ่นแค่นี้พอ)
ต้องบอกว่านี้เป็นหนังรักที่ผมว่าดูสนุกระดับหนึ่ง แต่ไม่ถึงขั้นซาบซึ้งกินใจ ติดฝังใจอะไรมากนัก ด้วยหลักๆคือความไม่ค่อยลงตัวระหว่างการแสดงของ อีมิเลีย กับตัวบทที่แกว่งนิดๆของตัวละคร คือตัวนางเอกมีความสดใส เป็นคนฉลาดไหวพริบดี แต่
เรื่องย่อ รีวิว มี บีฟอร์ ยู
ขณะเดียวกันก็การศึกษาไม่สูงและอาศัยอยู่เพียงในเมืองชนบทของอังกฤษทำให้เธอดูไม่ทันพระเอกนัก แต่ในหนังผมรู้สึกเขาจะวางการแสดงให้ดูออกจะโง่ ๆ บ้าน ๆ ไม่ค่อยทันคนมาแต่ต้น แต่ก็ดันมีช่วงสนทนาที่ฉลาด ๆ และรู้ทันพระเอกในบางทีแบบไม่ ค่อยสมเหตุสมผล และความสดใสที่ล้นมากไปจนบางทีดูน่ารำคาญของเธอก็ยิ่งทำให้ไม่ค่อยเชื่อในตัวละครนี้นัก ดูความฉลาดและอารมณ์เธอมันแกว่ง ๆ ขึ้น ๆ ลง ๆ ตลอดเรื่องเลย ดูหนัง 4k
ด้านการเล่าเรื่องก็มีปัญหานิด ๆ ในแง่การพัฒนาความสัมพันธ์ของตัวละคร ที่มันบางไปนิด แม้หนังจะให้เวลาค่อนข้างนานแล้วก็ตาม คือมันขาดระดับหรือจุดชี้ขาดที่ทำให้รู้ว่าตัวละครมันเริ่มรักกันมากแบบยอมทิ้งแฟนที่คบกันอยู่หรืออะไรแบบนั้นเลย
เช่นเดียวกันกับตอนจบมันขาดจุดชี้ขาดที่ทำให้เรารู้สึกว่าทางเลือกของตัวละครมันสมเหตุสมผลน่ะครับ ตรงนี้คิดว่าในนิยายน่าจะทำได้ละเอียดและมีเวลาปูความรู้สึกให้อะไร ๆ ชัดเจนได้ดีกว่า แต่ถ้าเราดูหนังแบบเพลินๆ หนังก็สนุกดีครับ โดยเฉพาะ
ช่วงเวลาที่จีบกันมันสนุก มีฉากที่สนุกมาก ๆ ประทับใจมาก ๆ อย่างตอนงานวันเกิดของนางเอกอยู่เหมือนกัน คือผมว่าบางคนที่มองข้ามจุดที่ผมว่าแล้วเอ็นจอยกับหนังได้เต็มที่ก็คงมีเยอะล่ะครับ ตรงนี้ออกตัวก่อนเลยว่าเป็นแค่ความเห็นส่วนตัวนะ
ด้วยความสนุกแบบมาตรฐานหนังแนวนี้ ผมเลยจัดให้เป็นหนังรักธรรมดาที่ดีเลยล่ะเรื่องหนึ่ง ในขณะเดียวกันครึ่งหลังของหนังเมื่อเปิดประเด็นดราม่าฝั่งพระเอกขึ้นมา หนังก็ดูจับต้องได้มากขึ้นในขณะเดียวกันก็สร้างโอกาสให้เราซาบซึ้งและสะเทือนใจ
มากขึ้นด้วย หนังดูมีของขึ้นเยอะเลยล่ะ ตรงนี้เป็นส่วนที่ทำให้นิยายเรื่องนี้แตกต่างและประสบความสำเร็จ จึงเป็นเหตุให้บอกว่า ถึงจะดูธรรมดา แต่จริงๆไม่ธรรมดาเลยล่ะ ต้องลองพิสูจน์ครับ แต่แฟน ๆ นิยายผมเดาว่าน่าจะตัวนิยายมากกว่าล่ะนะ
หนังแตะประเด็นที่ละเอียดอ่อนมากครับในแง่คำถามเกี่ยวกับความรักและชีวิต คือนางเอกได้รู้ความจริงว่าพระเอกตัดสินใจที่จะจบชีวิตตัวเอง ซึ่งมันมีบริการลักษณะนี้ในสวิตเซอร์แลนด์ชื่อ Dignitas ที่ให้คนที่พิการหรือป่วยหนักสามารถเลือกจบชีวิตตนเองอย่างไม่ทรมานได้ โดยพระเอกเคยพยายามฆ่าตัวตายเอง เพราะรับตัวเองในสภาพที่เป็นภาระคนอื่นแบบนี้ไม่ได้ แต่ก็ไม่สำเร็จ จริงๆเขาก้ติดเชื้อง่ายและจวนเจียนจะตายมาหลายรอบแล้วล่ะซึ่งเป้นส่วนหนึ่งที่เขามองว่าควรจบชีวิตลงมากกว่าเพราะ
ก็ใกล้ตายอยู่แล้ว ดีกว่าเป็นภาระทางบ้าน แม่เขารับไม่ได้ครับ เขาเลยให้โอกาสที่บ้านทำใจอีกครั้งโดยสัญญาว่าจะไม่ฆ่าตัวตายภายใน 6 เดือนนี้และหลังจากนั้นจะเข้ารับบริการดังกล่าวครับ ตรงนี้แม่ของเขาก็หวังว่าเขาจะเปลี่ยนใจ ซึ่งบังเอิญที่นางเอกเข้ามารับงานนี้โดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่นั่นเอง ตอนนี้หนังถามคำถามที่น่าสนใจเลยว่า ความรักจะสามารถเปลี่ยนแปลงความไม่อยากมีชีวิตของพระเอกได้ไหม และเราก็ลุ้นไปด้วยครับว่าอะไรจะทำให้พระเอกเปลี่ยนใจได้
ตรงนี้ต้องบอกเลยว่าหนังสือนิยายน่าจะสื่อสาระสำคัญที่ต้องการ ของทั้งมุมมองนางเอกและพระเอก ได้ดีกว่าในหนังครับ เพราะหนังไม่นำพาให้เราอินกับตอนจบได้เท่าไรนัก อาจเพราะการปูพื้นอารมณ์ไม่ดีพอ หรือบทสนทนาที่เคลียร์ความรู้สึกของตัวละครต่าง ๆ ยังไม่เพียงพอก็ได้ น่าเสียดายนิด ๆ ที่ทำให้เชื่อได้ยังไม่เต็มร้อยครับ ไม่งั้นคงอินกับตัวละครมากกว่านี้ ดูหนังออนไลน์ 4k
ตัวหนังสือมีภาคต่อที่ชื่อ After You ที่ไม่เกี่ยวกับร้านขนมครับ รู้สึกจะออกพิมพ์ไปเมื่อปีก่อน ส่วนนิยายฉบับภาษาไทยของทั้งสองเล่มก็กำลังจะออกมาให้เราได้อ่านกันในปีนี้ด้วย อ่านรีวิวมาเหมือนว่าหนังสือเล่มสองจะดรอปลงจากเล่มแรกเยอะ แต่ใครอยากรู้ตอนต่อก็ลองดูครับ
เป็นหนังที่ภาพสวยมาก มากๆๆๆๆๆๆ สวยกว่าหนังรักหลายเรื่องของปีที่แล้วอีก เพลงประกอบก็ดี เอาเพลง Thinking out Loud กับ Photograph มาประกอบ ลองคิดดูค่ะว่าจะฟีลไหน อารมณ์มันไม่ได้เลี่ยนเลยจริงๆ ค่ะ ดี ไหลลื่นมาก ด้วย
องค์ประกอบหลายอย่างที่ลงล็อกทำให้เรื่องนี้ลื่นไหลและน่าจดจำ ซึ่งปุ้มใจมั่นใจว่าต่อให้ไม่ใช่คอหนังรักมาก่อนแต่ต้องชอบ และประทับใจในหลายอย่างของเรื่องนี้ค่ะ (ปล. เพลงเอนดิ้งคือดีมาก ชอบ เพลง not today ของ imagine dragons ค่ะ แต่ถ้าดูหนังแล้วความรู้สึกเพลงจะเป็นกับอีกแบบก่อนที่จะได้ดูนะคะ)
เริ่มที่นักแสดง คือดี บอกเลยค่ะว่าดี ทุกคนดูลงตัว แล้วนักแสดงทุกคนในเรื่องนี้ทำให้หนังและอารมณ์ของหนังไปด้วยกัน ทุกอย่างกลมกล่อมลงตัว และมากกว่านั้นคือทุกคนถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ดีมากค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ Will Traynor ที่เน้นหนักไปกับซีนอารมณ์เลย Louisa Clark ก็ไม่แพ้กัน ชอบตัวละครลูมาก เป็นตัวละครที่ถอดออกมาจากหนังสือเลย เปิ่น โก๊ะ ฮา น่ารัก แต่น่าจดจำ นักแสดงเรื่องนี้ไม่น่าผิดหวังค่ะ ค่อนข้างมืออาชีพ ตกหลุมรักคาแรคเตอร์ของพระนางได้ไม่ยาก
ตัดมาที่ตัวหนังเลย โอเคว่าเรื่องนี้มันคือหนังรัก แต่ว่ามันไม่ได้หวานหยาดย้อยน่าอ้วกขนาดนั้น มันเป็นหนังรักที่ปุ้มใจว่ากลมกล่อมมาก พอๆ กับ Love, Rosie เลย (นักแสดงคนเดียวกันด้วยนะเออ) มันมีความน่ารักปนตลก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะคอมเมดี้
เรื่องนี้จัดอยู่ในหมวด Drama เลย (อินแรงมากค่ะ ปุ้มใจร้องไห้หนักมาก) พาร์ทที่เป็นส่วนเศร้าคือเศร้าจริง แต่มันไม่ได้เศร้ามาก มันเศร้าแบบที่เราจะชอบแน่นอนค่ะ มีหลายฉากที่ดีงามมาก ทั้งตัวบท อีกอย่างเริ่งนี้เก็บ quotations ที่ปุ้มใจชอบมาค่อนข้างครบ ละมันทำให้คนดูอย่างเราๆ อินมากขึ้นด้วย มันมีข้อดีอีกอย่างนะคะ ตรงที่ว่าเรื่องนี้มันมีความตลกที่มาจากตัวนางเอก ทำให้เรื่องมันดำเนินไปได้ดี ไม่หวือหวา แต่ไม่น่าเบื่อเลย ไม่ง่วงเลย เพลงประกอบก็ดี รีวิวหนัง
ยกตัวอย่างที่ชอบนะคะ ปุ้มใจชอบหลักๆ เลยมีอยู่สามฉาก ฉากแรกคือฉากที่ลูสวมชุดแดงไปดูคอนเสิร์ตกับพระเอก เป็นฉากที่ยิ้มไปด้วยน้ำตา (เพราะชอบฉากนี้ในหนังสือมากเลยจ้า) คือมันดีมากค่ะ มันกลมกล่อม มันละมุน หน้าร้อนไปตามกันทั้งที่ไม่ได้หวือหวาเลย ฉากที่สองคือฉากไปงานแต่ง โอ้โหเป็นฉากที่แบบน่ารักมาก ชอบมาก มันดีต่อใจ ทั้งลูทั้งวิลสื่อความรู้สึกในฉากนี้ชัดเจนมาก ซึ่งมันปูทางไปสู่ความพีคในตอนจบ
และฉากจบค่ะ ฉากจบคือบ่อน้ำตาของเรื่อง ทั้งสุข ทั้งเศร้า ทั้งเหงา ทั้งดีใจไปกับลู มันเป็นฉากที่พีคมากจริงๆ ค่ะ ร้องไห้อย่างเหงาหงอยแต่ก็มีความสุข คนดูจะได้เจอกับสิ่งที่เอาหน้าร้อนไปกับ ความวิล คือฉากนี้เป็นฉากที่ชอบมากจริงๆ เป็นจุดพีคของ เรื่อง ที่ทำให้เราเข้าใจถึงคำว่า รัก ในอีกแบบ แบบที่เราอยากเห็นเขามีความสุข เห็นคนที่เรารักมีชีวิตที่เป็นของเธอ มีความสุขที่เป็นของเธอ และมีตัวตนของเธอในชีวิตของเธอ
นอกจากนี้นะคะ ที่ชอบอีกอย่างแบบชอบมากเลยคือการที่ตัวละครทั้งเรื่องถูกโยงเข้าหากัน การสนทนาของวิลกับลูนี่จะทำให้ทุกคนชอบได้ไม่ยากเลย ทั้งสองตัวละครมันธรรมชาติมาก มันไม่ได้ประดิษฐ์ ซึ่งทำให้บทพูดหวาน ๆ และฮา ๆ พวกนั้นดูจริงขึ้นมาอีกหลายมิติ ชอบการที่แต่ละคนพยายามจะทำให้อีกคนมีความสุข