รีวิว A Dog’s Journey
รีวิว A Dog’s Journey ที่มา
A Dog’s Journey ภาคต่อจากภาพยนตร์ A Dog’s Purpose โดยในภาคนี้ “เบลีย์” ได้ใช้ชีวิตบั้นปลายชีวิตอยู่กับครอบครัวของ “อีธาน” โดยทุกครั้งที่มันตายวิญญาณของมันจะกลับมาเกิดใหม่เป็นสุนัขแล้วกลับมาเคียงข้างเขา แต่ในครั้งนี้ อีธาน ได้ขอร้องให้ เบลีย์ ไปช่วยปกป้อง “เคซี” หลานสาวของเขาแทน เรื่องราวสุดเหลือเชื่อในสายสัมพันธ์ของมนุษย์ กับ สุนัข จึงเริ่มต้นใหม่อีกครั้งดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี
รีวิวหนังรักออกตัวก่อนเลยว่าเป็นทาสหมาที่ถึงจะเซนซิทีฟกับเรื่องพวกนี้ แต่ก็ไม่ได้อินไปกับหนังสัตว์เลี้ยงทุกเรื่องที่ออกมา แต่สำหรับ A Dog’s Journey เป็นหนังภาคต่อที่ร้อยเรียงเรื่องราวออกมาดีมาก แม้พล็อตจะวนลูปเดิมคือการกลับชาติมาเกิด 4 ภพ 4 ชีวิตของน้องเบลีย์เหมือนภาคแรก แต่ตัวหนังกลับเล่าออกมาไม่ซ้ำซากน่าเบื่อ เพราะเปลี่ยนมาโฟกัสที่เรื่องราวของตัวละครใหม่ก็คือ ซีเจ เข้าใจเน้นปมครอบครัว เพื่อน รวมถึงความรักให้หนักแน่นมากยิ่งขึ้น ทั้งยังเพิ่มธีม Coming of Age เข้าไป ให้คนดูได้เรียนรู้และเติบโตไปพร้อม ๆ กับซีเจ ผลสุดท้ายก็คืออินหนักมาก เพราะรู้สึกผูกพันไปกับทุกตัวละครในนั้นแล้วไม่ว่าจะเป็นซีเจ ตัวละครอื่น ๆ หรือน้องหมารีวิวหนังรักดราม่า
ด้านเนื้อเรื่อง ตัวภาพยนตร์เป็นหนังแนว Coming of Age ที่เล่าเรื่องราวตามช่วงอายุต่างๆ เนื้อหาของ A Dog’s Journey ดำเนินเรื่องต่อจาก A Dog’s Purpose ในช่วงเวลาไม่กี่ปี อีธาน กับ เบลีย์ หมาคู่ใจยังคงใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขในบ้านไร่ แต่มีสมาชิกใหม่เพิ่มเข้ามานั่นก็คือ “กลอเรีย” ลูกสะใภ้ของอีธาน และ ฮันนาห์ หนังเล่าถึงที่มาของกลอเรียผ่านบทสนทนาว่าเธอเป็นหม้าย เหตุจาก “เฮนรี่” ลูกชายของอีธานและฮันนาห์เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ ในขณะนั้นเธอท้องได้ 8 เดือนแล้ว ทำให้เธอต้องเลี้ยง “ซีเจ” ลูกสาวตัวน้อยอยู่ในบ้านไร่แห่งนี้กับพ่อผัวแม่ผัว ซึ่งอีธานและฮันนาห์ก็รักใคร่เอ็นดูซีเจอย่างมาก แต่กลอเรียกลับไม่รู้สึกอบอุ่นที่ต้องอาศัยอยู่กับครอบครัวสามีที่จากไปแล้ว และพยายามจะหาทางออกไปทำงานหาเลี้ยงตัวเองและลูกสาว โดยไม่สนใจคำทัดทานจากอีธานและฮันนาห์
ถ้าใครได้ดู A Dog’s Purpose แล้ว จะเข้าใจถึงแนวความคิดแปลกใหม่ของหนัง จากจินตนาการของบรู๊ซ คาเมรอน ที่จำลองโลกของหมาขึ้นมาอิงจากความผูกพันระหว่างหมาและเจ้าของ ว่าเมื่อหมาตายไปแล้วแต่ความทรงจำที่เต็มไปด้วยความรักความผูกพันยังคงอยู่ และจะตามหาเจ้าของเดิมอยู่ร่ำไป ใน A Dog’s Purpose เราได้ตามติดชีวิตของเบลีย์ที่เวียนว่ายตายเกิดแต่ก็ยังคงผูกพันกับอีธานตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อยจนเป็นชายสูงวัย พอมาถึงภาคนี้เบลีย์ก็ลาจากอีธานไปอีกครั้งด้วยอายุขัยของมันเอง ก่อนลาจากอีธานได้ฝากฝังให้เบลีย์ตามไปดูแลซีเจหลานสาวของเขา เพราะอีธานกังวลกับอนาคตของซีเจที่ต้องไปอยู่กับกลอเรียตามลำพังแม่ลูก ภาคนี้ตัวละครหลักก็เลยเป็นซีเจที่เราได้เห็นเธอตั้งแต่ยังเป็นทารก จนโตเป็นสาวผ่านสายตาของเบลีย์ที่เวียนว่ายตายเกิดอีกหลายชาติเช่นกัน และทุกชาติก็ยึดมั่นในภารกิจที่อีธานฝากฝังให้ดูแลซีเจ
แม้ว่าหนังยังคงคอนเซปต์เดิม แต่โทนของภาคนี้จะหนักกว่าเดิมมาก เพราะหนังตามติดชีวิตของซีเจที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบนัก เกิดมาก็กำพร้าพ่อเสียแล้ว แม่ก็ขี้เมามีผู้ชายเปลี่ยนหน้าใหม่มาเรื่อย ๆ ส่วนตัวเธอก็มีความฝันสูงสุดว่าอยากจะเป็นศิลปินนักร้องชื่อดัง เนื้อหาในส่วนของคนดราม่าหนักมาก อัดแน่นไปด้วยฉากปะทะอารมณ์รุนแรงหนักตั้งแต่ต้นเรื่องกันเลย แม้ว่า “หมา” จะเป็นหัวใจหลักของหนัง แต่กลับกลายเป็นว่าฉากที่เรียกน้ำตาได้สำเร็จจะเป็นฉากระหว่างคนกับคนด้วยกันนี่แหละ ฉากลาจากของเบลีย์ก็เรียกน้ำตาได้เช่นกัน แต่ในเรื่องเราได้เห็นเบลีย์ ตาย-เกิด-ตาย-เกิด หลายครั้ง หนังก็เลยไม่ได้ขยี้ไปกับทุกฉากที่เบลีย์ตาย แต่อย่าเข้าใจว่านี่คือหนังดราม่าโศกเศร้าเคล้าน้ำตา แม้ว่าหนังจะดราม่าหนักหนา หนังก็มีฉากฟีลกู๊ดเช่นกัน ไม่ใช่ว่าชีวิตของซีเจจะเผชิญแต่อุปสรรคเสมอไปนะ บางฉากบางตอนเธอก็เจอเรื่องดี ๆ ในชีวิต ให้เราตื้นตันไปกับเธอ แต่ก็อีกนั่นแหละในความสมหวังเราก็ยังพลอยน้ำตารื้นด้วยความปลาบปลื้มไปกับเธออีกเช่นกัน
ส่วนคนรักหมา ก็ยังคงย้ำว่าไม่ควรพลาด ไม่ต้องกังวลว่ารับไม่ได้กับฉากหมาตาย ไม่อยากดูเพราะสงสารหมา สบายใจได้ครับ บรู๊ซ คาเมรอน เป็นนักเขียนนิยายหมา ๆ เขาต้องเป็นคนรักหมาครับ แล้วเขาก็ตามมาเขียนบทภาพยนตร์ด้วยเช่นกัน ฉะนั้นหนังเรื่องนี้จะไม่มีฉากใจร้าย ไม่มีฉากหมาบาดเจ็บ ทุรนทุรายทำร้ายจิตใจคนรักหมาเลยแม้แต่นิดเดียว เหมือนกับภาคก่อนนั่นล่ะพอเบลีย์แก่หมดอายุขัยก็จะนอนหลับไปเฉย ๆ แล้วก็ตัดไปเกิดใหม่เลย เราก็ลุ้นกันไปว่าชาติต่อไปเบลีย์จะเกิดเป็นหมาพันธุ์อะไร ภาคนี้คนรักหมาก็จะได้สนุกยิ้มไปกับความน่ารักของหมาหลากหลายพันธุ์เพราะแต่ละชาติของเบลีย์ในภาคนี้ก็แตกต่างกันมาก มีทั้งหมาเล็ก ไปจนถึงหมาใหญ่มาก แต่ก็ยังคงความน่ารักไร้เดียงสาที่ทำให้ยิ้มไปกับความแสนรู้ของเจ้าหมาทุกตัวในเรื่อง ดูไปก็ชื่นชมไปกับความสามารถของทีมงานที่กำกับให้หมาทำนั่นทำนี่ได้อย่างน่าอัศจรรย์ รวมไปถึงกลเม็ดในบทภาพยนตร์ที่เชื่อมโยงความสามารถของเบลีย์ในแต่ละชาติ เบลีย์มักจะหยิบเอาความสามารถที่เรียนรู้จากภาคก่อนมาเซอร์ไพรส์ซีเจ เพื่อที่จะบอกว่า “นี่ฉันเอง เบลีย์ไง” แล้วเจ้าความสามารถต่าง ๆ ของเบลีย์นี่ล่ะที่เป็นกลไกลสำคัญในการผลักดันให้หนังเดินหน้าไปอย่างน่าสนใจ
แม้จะดราม่าหนักหน่วง มีฉากเรียกน้ำตาหลาย ๆ ฉาก แต่โดยรวมแล้วนี่คือหนังฟีลกู๊ดที่เราสามารถเสียน้ำตาไปกับความสุขความสมหวังของตัวละครได้อย่างไม่รู้ตัว คนรักหมาไม่ควรพลาดครับ
นอกจากนี้ ก็จะมีประเด็นความรัก-ความสัมพันธ์ภายในครอบครัว เช่น ระหว่าง CJ กับแม่ ซึ่งอย่างนึงที่เราเห็นด้วยก็คือ ชาวเหงาทุกคนต้องการความรักความอบอุ่นจากน้องหมา (หรือน้องแมว) ควรหาไว้ไปอยู่เป็นเพื่อนสักตัวสองตัว เพื่อให้มีกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อหรือก้าวข้ามผ่านวันที่โหดร้ายของชีวิตไปได้ และแต่ละครอบครัวก็น่าจะมีสัตว์เลี้ยงสักตัวไว้เป็นกาวใจ มันดีจริง ๆ นะ
มนุษย์อยากเติบโตไปมีชีวิตของตนเอง แต่ถึงอย่างไร จิตใจของมนุษย์ก็ไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น และสุนัขก็ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่จำเป็นต่อมนุษย์อยู่ดี
Kathryn Prescott เล่นเป็นซีเจ หรือที่แม่เธอเรียกว่า คลาริตี้ เธอน่ารักดีอะ เธอเคยเล่นมาทั้งซีรีส์ ’24: Legacy’ เล่นมาทั้งหนัง ‘Polaroid’ แต่ผมเพิ่งจะได้มาเห็นหน้าเธอก็ในหนังเรื่องนี้นี่แหละ ในหนังเธอต้องเล่นเป็น CJ ตอนโตเป็นสาวที่ไม่ต่างอะไรกับอีธานที่ต้องพบเจอกับเบลีย์ผู้กลับชาติมาเกิดเป็นหมาหลายครั้งหลายครา
เธอมีพรสวรรค์ด้านดนตรีที่อาจจะได้รับสืบทอดมาจากแม่ แต่หนังก็ไม่ได้ทำให้เราเห็นเท่าไหร่ว่าแม่เธอมีพรสวรรค์แค่ไหน หากซีเจเธอได้ทั้งเล่นกีตาร์และร้องเพลงให้เราได้ดู เพียงแต่เธอดูไม่มีความกล้ามากพอจะแสดงให้คนอื่นๆ เห็นสักเท่าไหร่
ความแปลกประหลาดเกิดขึ้นในใจตอนที่พบว่า เมื่อเจ้าเบลีย์เกิดใหม่ในร่างของหมาเล็กเพศเมีย เราก็ยังได้ยินเสียงของมันเป็นผู้ชาย ซึ่งมันแปลกดีนะ ผมว่า เสียงของ Josh Gad รับหน้าที่พากย์เสียงในใจหมาเบลีย์ในทุกชาติภพ เขาทำหน้าที่ได้ดีเลยล่ะ พาหัวเราะคิกคักก็ได้ พาให้น้ำตารื้นไหลก็ได้อีก
ความรู้สึกโดยรวมหลังสดับรับชม
..ตอนแรกเรากลัวมากที่จะดูเรื่องนี้ กลัวว่าจะร้องไห้น้ำตาแตกใน เพราะแน่นอนว่า.. ด้วยตัวบทที่หมาต้องกลับชาติมาเกิดซ้ำๆ แปลว่ามันต้องมีฉากหมาตายหลายรอบแน่ๆ แต่โชคดีไปที่มาภาคนี้หนังไม่ได้มีเจตนาเค้นน้ำตาเราขนาดนั้น เพียงแค่เรียกน้ำตาเราซึมๆ ได้ไม่ถึงกับไหลลงมา
ต้องบอกตามตรงว่า หนังแฟรนไชส์นี้มีหลายอย่างที่เราเกลียด เช่น หมาตัวเมียถูกพากย์เสียงด้วยเสียงผู้ชาย ไม่ว่าจะกี่ภพกี่ชาติ หน้าตาเปลี่ยนไปแค่ไหน เพศเปลี่ยนอย่างไร มันก็ยังคงใช้เสียงเดิมที่คนเดิมพากย์, หมาที่ต้องเกิดสิบภพสิบชาติก็ยังต้องเกิดเป็นหมา ไม่เคยได้อัพเกรดหรือดาวน์เกรดให้ไปเกิดเป็นอย่างอื่น แถมยังเกิดใหม่เร็วเสียยิ่งกว่าตัวละครทั้งหลายในละครกลิ่นกาสะลอง ฯลฯ
.
หนังดำเนินเรื่องแตกต่างจากภาคแรกอย่างสิ้นเชิง A Dog’s Purpose นั้นเน้นการตามหา “ความหมายของชีวิต” ที่เบลีย์สู่ขิตแล้วออกไปเกิดใหม่กับเจ้าของมานับไม่ถ้วนจนกระทั่งกลับมาเจออีธานในตอนท้าย แต่ A Dog’s Journey นั้นเน้นที่เรื่อง “ความหมายของครอบครัว” และแทบจะดำเนินเรื่องผ่านตัว “CJ” หลานสาวของอีธานเป็นหลัก ที่แม้เบลีย์จะเกิดใหม่แต่ก็มีเจ้าของเป็น CJ แทบจะทุกชาติ
จุดแข็งของหนังที่สามารถทำให้คนเทคะแนน และเทหัวใจให้มันได้ คือหนังสามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดของน้องหมาออกมาได้ดี ทั้งตลกและน่ารักมากๆ ถึงแม้ไม่รู้ว่ามันถูกต้องแบบที่หมาคิดจริงๆ ไหมก็ตาม
ส่วนตัวพล็อตหนัง การดำเนินเรื่องก็ถือว่าทำได้ดีเลย แม้จะใช้ความบังเอิญเข้าช่วยเยอะ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ติดขัดอะไรขนาดนั้น แต่ส่วนที่หนังสามารถทำให้ดีได้กว่านี้อีกคือพาร์ทของ “มนุษย์” คือไม่ใช่ไม่ดีนะ แต่เรารู้สึกว่ามันสามารถเกลาให้ดีขึ้นกว่านี้ได้อีกสเตปนึงเลย ซึ่งเราก็ไม่รู้จะบอกยังไงเหมือนกันเพราะมันจะสปอยล์
ชื่อภาพยนตร์: A Dog’s Journey / หมา เป้าหมาย และเด็กชายของผม 2 / A Dog’s Purpose 2
ผู้กำกับภาพยนตร์: Gail Mancuso
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: W. Bruce Cameron, Maya Forbes, Cathryn Michon, Wallace Wolodarsky
นักแสดงนำ: Josh Gad, Dennis Quaid, Kathryn Prescott, Marg Helgenberger
แนว/ประเภท: Adventure, Comedy, Drama, Family, Fantasy
เรท: USA/PG, ไทย/
ความยาว: 109 นาที
อัตราส่วนภาพ: 2.39 : 1
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา