รีวิว Moonlit Winter (2019)
Moonlit Winter เป็นภาพยนตร์เมโลดรามาโรมานซ์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวที่มีคุณค่าทางใจ และจะพาไปละเลียดความสวยงามของอารมณ์บนฉากหลังของฤดูแห่งหิมะขาวโพลนของเมืองโอตารุ บนเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่นที่สวยงาม เล่าถึงรักแรกอันเป็น
ความรักบริสุทธิ์ที่ไม่สามารถงอกงามต่อได้ เพราะสวนทางกรอบสังคม ปีแล้วปีเล่าจึงผ่านไปด้วยการเก็บงำเอาความรู้สึกผิดมาพันธนาการชีวิต ดุจกองหิมะอันหนาวเหน็บที่พอกพูนกัดเซาะหัวใจ ทับถมความเย็นชาต่อโลกรอบตัว แต่ในวันที่กล้าเผชิญหน้า ความกลัว ได้ปลดวางอย่างเข้าใจ ก็เหมือนได้เคลียร์หิมะหนาออกไปจากทางเดิน เติมด้วยแสงจันทร์ละมุนสาดส่อง ชีวิตจึงสามารถเดินต่อไปได้ในทิศทางที่เหมาะสม ดูหนังฟรี
เรื่องราวเริ่มต้นจากจดหมายหนึ่งฉบับ ที่เดินทางจากญี่ปุ่นมาถึงเกาหลี ตัวผู้เขียนเองที่ยังทำใจส่งไม่ได้ แม้จะเขียนซ้ำมาแล้วหลายๆครั้ง แต่ป้าของเธอได้จัดการส่งให้โดยเธอไม่รู้ ส่วนผู้รับที่ยังไม่ทันได้เห็นจดหมาย ก็ถูกแอบเปิดอ่านโดยลูกสาวของเธอเองเสียก่อน
เพราะจดหมายนั้นมาจากเพื่อนเก่าเมื่อ 20 ปีก่อน ที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานของยุนฮี (รับบทโดย คิมฮีแอ) แม่เลี้ยงเดี่ยวของ แซบอม (รับบทโดย คิมโซฮเย) แซบอมเกิดความสงสัยในจดหมายจากแดนไกล จนต้องแอบเปิดอ่าน จึงพบว่าเนื้อความนัยดูจะ
มีความหมายต่อชีวิตแม่ แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าใจเรื่องราวได้ แซบอมจึงไปหาคำตอบจากลุง จากพ่อ (รับบทโดย ยูแจมยอง) ว่าแม่ของเธอเคยมีชีวิตเป็นอย่างไร ทำไมพ่อและแม่จึงเลิกกัน พ่อก็บอกได้เพียงว่า แม่เป็นคนแบบที่ทำให้พ่อรู้สึกเหงา ส่วนตัวแซบอมก็มองว่า แม่ดูเหงาจริง มีบางอย่างติดค้างในใจแม่ตลอดเวลา ถึงขั้นคิดว่าเป็นเพราะเธอเลือกจะอยู่กับแม่ ไม่ใช่พ่อ หวังจะเป็นเพื่อนแม่ แต่กลับกลายเป็นภาระให้แม่ต้องทำงานหนักจนไม่มีความสุขหรือไม่
เพราะแซบอมกำลังจะไปเรียนต่อที่โซลในอนาคตอันใกล้ เธอจึงเสนอว่าจะนำเงินเก็บของเธอชวนแม่ไปเที่ยวญี่ปุ่น ไปย่ำหิมะหนาๆที่เมืองโอตารุ เมืองเล็กๆที่เงียบสงบ อยากใช้เวลากับแม่ ให้แม่ได้พักผ่อน มีความสุขสักครั้ง ด้วยแผนการชงโอกาสให้แม่ได้ไปเจอเพื่อนในจดหมายคนนั้น โดยแซบอมมีผู้ช่วยส่วนตัวสำหรับภารกิจนี้ คือแฟนหนุ่มของเธอ คยองซู (รับบทโดย ซองยูบิน) เขาเดินทางไปเจอกับเธอที่นั่นโดยยุนฮีไม่รู้ เพื่อสืบเสาะหาที่อยู่ตามจดหมายให้แซบอมล่วงหน้า
หนังจะค่อยๆเฉลยเล่าที่มาของปมชีวิตของยุนฮีที่ผูกพันกับเพื่อนของเธอ คาตาเสะ จุน (รับบทโดย นากามูระ ยูโกะ) เป็นลีลาการเล่าที่น่าสนใจน่าติดตาม ซึ่งจริงๆแล้วก็แอบทยอยแพลมๆมาตั้งแต่ต้นเรื่องให้คิดปะติดปะต่อและพอคาดเดาได้เลาๆ จากบทที่เลียบๆเคียงๆ อีกทั้งถ้าใครอ่านเรื่องย่อหรือบทรีวิวอื่นๆมาบ้าง ก็อาจได้รู้แล้วว่า ยุนฮีและจุนเป็นรักแรกและรักเดียวของกันและกันเมื่อยี่สิบปีก่อนเมื่อครั้งที่พวกเธอได้เจอกันในเกาหลี
เรื่องย่อ รีวิว Moonlit Winter (2019)
แน่นอนว่าในยุคสมัยนั้น การยอมรับในเรื่องความสัมพันธ์ของ LGBTQ นั้น เป็นไปได้ยาก ความผูกพันของพวกเธอจึงได้แต่ถูกเก็บงำอัดอั้นไว้ในใจ ไม่สามารถเปิดเผยออกมา และชีวิตก็ยังมาตัดขาดจากไปอยู่คนละประเทศ ต่างคนต่างทำได้แค่ฝันถึงกันจุนซึ่งเขียนจดหมายหายุนฮีทุกครั้งที่ฝันถึง แต่ก็ไม่สามารถทำใจส่งจดหมายออกไปได้ เพราะคิดว่ายุนฮีคงมีครอบครัวตามครรลองของสังคมไปแล้ว ดูหนังใหม่
นอกเหนือจากนี้ หนังก็ยังสะท้อนให้เห็นอีกหลายๆปัญหาที่สองตัวละครต้องเผชิญในสังคม เช่นความเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นเกาหลีของจุนซึ่งหาที่ยืนลำบาก พ่อแม่หย่าร้าง สังคมความเหลื่อมล้ำทางเพศที่ทำให้ยุนฮีต้องเสียสละโอกาสการเรียนให้พี่ชาย และ
การที่เธอถูกเหมาเอาว่าเป็นโรคจิตทันทีที่เธอสารภาพกับแม่ว่ารักจุน และแก้ปัญหาด้วยการจับเธอแต่งงานมีครอบครัว ให้ใช้ชีวิตเยี่ยงคนปกติ แต่กลายเป็นหย่าร้างที่ตามมา มุมเหล่านี้ล้วนสร้างความปวดใจสงสารให้กับผู้ชม และต้องติดตามดูว่า ด้วยความมุ่งมั่นช่วยเหลือของแซบอมและป้าของจุน จะทำให้ยุนฮีและจุนปลดปล่อยพันธนาการทางใจนี้ออกอย่างไร
แต่ในอีกมุม ความผูกพันของทั้งคู่ก็สามารถสร้างความซาบซึ้งอบอุ่นหัวใจให้ผู้ชมได้ เช่น การฝันถึงกัน การเขียนจดหมายแต่ตัดใจส่งไม่ได้ เป็นสิ่งที่มาเฉลยเอาภายหลังว่าทั้งคู่ก็ทำเช่นเดียวกัน สมกับที่ยุนฮีเคยบอกอย่างมั่นใจว่าเธอมีอะไรคล้ายกับจุนตั้งแต่ตอนเจอกันใหม่ๆ เป็นความหมายซ้อนทั้งในเรื่องความรักและความคิด
นอกจากนี้ ก็ยังมีความฟิลกู้ดจากสิ่งที่แซบอมตั้งใจทำเพื่อแม่ โมเมนท์แม่ลูกคู่นี้เป็นธรรมชาติแต่ก็น่ารักและกินใจดี การไปทริปนี้มีแต่ได้กับได้ นอกจากเรื่องของยุนฮีกับจุนแล้ว ระหว่างยุนฮีกับแซบอมก็ได้ช่วงเวลาดีๆที่เข้าใจกัน สนิทสนมกัน และทำให้ยุนฮีตระหนักได้ว่า ลูกสาวที่น่ารักตรงหน้าคนนี้แหละ คือเป้าหมายที่เธอจะทำชีวิตให้ดีขึ้น รวมไปถึงแซบอมกับคยองซูก็ได้ช่วงเวลาที่พัฒนาความสัมพันธ์ดีขึ้นไปอีกด้วย
ในการเดินเรื่องจังหวะเนิบ ๆ เรียบ ๆ เรื่องนี้แฝงความสวยงามในวิธีเล่าเรื่อง หลายๆความหมายนัยแทรกแฝงมาตลอดเรื่อง เช่น การ upcycle ของคยองซู ก็เหมือนการชุบชีวิต นิสัยถ่ายภาพสรรพสิ่งข้าวของแซบอมสะท้อนวิถีการมองโลก กล้องที่บันทึก
ความทรงจำรุ่นแม่ตกทอดมามีชีวิตชีวาใหม่ในรุ่นลูก อุปมาอุปไมยของกองหิมะพะเนิน ความเย็นชา เมืองเหงาๆ เฝ้ารอจันทร์เต็มดวง และอีกมากมาย เมื่อรวมกับเทคนิคงาน cinematography มุมกล้อง ภาพแสงเสียง จังหวะการแช่ภาพ และโลเคชัน
ล้วนตอบโจทย์ให้ผู้ชมสายดื่มด่ำความหมาย ชมชอบการละเลียดอารมณ์ ถูกตาต้องใจได้ไม่ยาก โดยเฉพาะคนที่คุ้นเคยเสน่ห์กลิ่นอายสไตล์งานญี่ปุ่น และความโรมานซ์ที่ไม่โจ่งแจ้งแต่กินใจ เหนืออื่นใด ด้วยเรื่องราวที่มีเนื้อหาดีๆ มีคุณค่าทางใจ จึงทำให้เป็นหนังที่ได้รับรางวัลจากเวทีใหญ่ ๆ ในหลากหลายสาขา ทั้งตัวบท ผู้กำกับ นักแสดง เพลงประกอบ เป็นต้น ใครเป็นสาวกงานสายนี้ ห้ามพลาด
ความพิเศษของหนังเรื่องนี้คือได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลทั้งหมด 7 รางวัลใน Blue Dragon Film Awards ครั้งที่ 41 งานประกาศรางวัลแวดวงภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลี ถ้าให้เทียบก็คงคล้ายๆ รางวัลออสการ์ของอเมริกา อีกทั้งนักแสดงและหนังเองยังได้รางวัล
ส่งเสริมความเสมอภาคทางเพศจากกระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวของเกาหลีด้วย อีกอย่าง คิมฮีแอ นักแสดงนำเรื่องนี้ยังเป็นดาราหญิงยอดฝีมือที่รับบทมาหลากหลาย เรื่องหนึ่งที่เธอแสดงได้ประทับใจฉันมากๆ คือซีรีส์ตีแผ่ชีวิตคู่ A World of Married Couple ที่เธอรับบทเป็นคุณหมอผู้ทุกข์ระทมจากสามีและลูกชาย ครั้งนี้เธอ
รีวิว Moonlit Winter (2019)
รับบทเป็น ‘ยุนฮี’ ผู้หญิงที่หย่าร้างกับสามี มักเก็บความรู้สึกไว้ข้างใน พูดน้อย ไม่ยิ้ม ทำงานหนัก และใช้ชีวิตเพื่อลูกเท่านั้น โดยหนังยังได้ คิมโซฮเย อดีตไอดอลวง I.O.I ที่มารับบท ‘แซบม’ ลูกสาวของยุนฮี นับเป็นการแสดงหนังยาวเรื่องแรกของเธอ
Moonlit Winter คือผลงานเขียนบทและกำกับของอิม แดฮยอง ผู้เคยทำหนังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพ่อกับลูกชายมาก่อน โดยเรื่องนี้นับเป็นผลงานลำดับที่ 2 ของเขาที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องเล่าในวัยเด็กของแม่ เขาจึงเลือกทำหนังเกี่ยวกับ
ความสัมพันธ์ของแม่กับลูกสาวบ้าง ที่น่าสนใจคือแม้จะเป็นหนังที่เล่าเรื่องผู้หญิงกับความรักของเพศหลากหลายเป็นหลัก แต่อิม แดฮยองกลับถ่ายทอดออกมาได้เป็นอย่างดี ไม่มีกลิ่นของ male gaze แบบที่หนังแนวนี้ของฮอลลีวูดหลายเรื่องเป็น (ฉันเปล่าโจมตีเรื่องไหนเป็นพิเศษนะ) เขาเล่าว่าได้ไถ่ถามความเห็นจากผู้หญิงรอบตัวมากมาย และต้องแก้ไขบทหลายตลบกว่าจะออกมาให้ทุกคนได้ชมกัน รีวิวหนัง
เห็นหิมะขาวโพลนดูเย็นเยียบขนาดนี้ แต่ที่จริงแล้ว Moonlit Winter เป็นหนังที่อบอุ่นหัวใจเหมือนดื่มกาแฟในยามเช้าหน้าหนาวเชียวล่ะ ตัวละครหลักๆ ของเรื่องมีสองตัวคือยุนฮีกับแซบม แม่-ลูกที่อาศัยอยู่ในเมืองหนึ่งของเกาหลี ในฤดูหนาวอยู่ ๆ ยุน ฮีก็ได้รับจดหมายของหญิงสาวผู้เป็นรักแรกจากเมืองโอตารุ ประเทศญี่ปุ่น โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าลูกสาวแอบอ่านไปแล้วเรียบร้อย และได้วางแผนชวนแม่ไปเที่ยวที่นั่นด้วยเหตุผลที่อยากให้แม่เดินทางไปหาความสุขที่ปิดกั้นตัวเองไว้
การเดินทางข้ามจากเกาหลีไปยังญี่ปุ่นทำให้หนังน่าสนใจมากขึ้นด้วยโลเคชั่นอันสวยงาม บทพูดที่มีทั้งภาษาเกาหลี ญี่ปุ่น และอังกฤษนิดหน่อย รวมทั้งสภาพสังคมที่แตกต่างกัน เนื่องจากโอตารุเป็นเมืองที่หิมะตกหนักในฤดูหนาว ทำให้ภาพออกมาสวยงามราวกับภาพวาด เรียกว่าแคปจอฉากไหนก็นำมาตั้งเป็นวอลเปเปอร์ได้สบาย ๆ ถ้าคุณได้ดูรับรองว่าต้องอยากเก็บกระเป๋าไปเที่ยวที่เมืองนี้แน่ ๆ (แม้ตอนนี้จะยังทำไม่ได้ก็เถอะ)
นอกจากการนำเสนอประเด็น ที่ไม่ค่อยได้เห็นในแวดวงสื่อบันเทิงเกาหลีแล้ว ฉันยังชอบการก้าวพ้นช่วงสำคัญของชีวิต (coming of age) ของตัวละครยุนฮีที่มีลูกสาวเป็นคนช่วยซัพพอร์ต (ฉันมักพ่ายแพ้ให้กับสายสัมพันธ์แม่-ลูกแบบนี้)เท่านั้นยังไม่พอ ฝั่งของจุนผู้เป็นรักแรกของยุนฮีที่อยู่ญี่ปุ่นก็มีคุณป้าของเธอคอยปลอบประโลมอยู่เสมอ เอาเป็นว่าถ้าไม่มีสองคนนี้ ยุนฮีกับจุนคงได้แต่คิดถึงกันเงียบๆ แล้วปล่อยให้หิมะละลายผ่านพ้นไปปีแล้วปีเล่า
พอได้เห็นเหล่าผู้หญิงที่ซัพพอร์ตกันแบบนี้แล้วทำให้นึกถึงนิยายแปลญี่ปุ่นเล่มโปรดของฉันอย่าง คาเฟ่ลูส เมนูที่รักจากการเดินทาง ของสำนักพิมพ์ Sunday Afternoon ตัวละครหญิงในเรื่องต่างพูดคุยปรึกษาและช่วยเหลือกันด้วยความเห็นอกเห็นใจ อีกทั้งมู้ดแอนด์โทนก็ค่อนไปทางสบายๆ เนิบๆ คล้ายกับได้จิบเครื่องดื่มอร่อยๆ ในวันหยุด ถ้าคุณพอมีเวลา จะลองไปหามาอ่านบ้างก็ได้นะ รับรองว่าต้องชอบแน่ ๆ