รีวิว Fanday (2016) แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว
แฟนเดย์ หรืออีกชื่อหนึ่งว่า One day เป็นหนังแนวโรแมนติก-ดราม่าจากค่าย GDH 559 ผลงานการกำกับของบรรจง ปิสัญธนะกูล นำแสดงโดยเต๋อ ฉันทวิชช์ ธนะเสวีและมิว นิษฐา จิรยั่งยืน เรื่องราวเกิดขึ้นจากเรื่องของเด่นชัย(เต๋อ ฉันทวิชช์) พนักงานด้านไอทีของบริษัทแห่งหนึ่ง เขาออกจะเป็นผู้ชายที่จืดชืดและดูไร้ตัวตนในสายตาของเพื่อนร่วมงาน แต่มีสิ่งหนึ่งที่เป็นเป้าหมายสำคัญในชีวิตของเขา คือ คุณนุ้ย(มิว นิษฐา) พนักงานสาวสวย ดูหนังฟรี คนหนึ่งจากแผนกการตลาด เขาคงเริ่มแอบชอบคุณนุ้ยและเริ่มพัฒนาเป็นแอบรัก เหมือนเป็นแฟนพันธุ์แท้ ตั้งแต่ตอนที่คุณนุ้ยได้เห็นเขามีตัวตนในสายตาเป็นครั้งแรกแต่เหมือนคุณนุ้ยก็ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่ามีการกระทำแบบนั้นอยู่ เธอเป็นผู้หญิงอีกคนของ ท้อป(ตุ้ย ธีรภัทร์) หัวหน้าของทั้งสองคน ทั้งที่เธอก็รู้อยู่ว่าท้อปมีภรรยาแล้ว และก็ได้แต่เชื่อว่าท้อปจะหย่าขาดจากภรรยาจริง ๆ
“แฟนเดย์ แฟนกันแค่วันเดียว” หนังเรื่องแรกของทีมงานเดิมในชื่อใหม่ GDH ที่เลือกเปิดตัวด้วยหนังโรแมนติคคอมมีดี้ ผลงานของ โต้ง บรรจง ผู้กำกับมือต้น ๆ ของ GTH เดิมที่เคยมีผลงานกวาดรายได้เข้าค่ายเป็นล่ำเป็นสันมาแล้วจาก “กวน มึน โฮ”(2553) และ “พี่มาก”(2556) รอบนี้ทางค่ายดำเนินตามสูตรสำเร็จตามอย่างที่ “กวน มึน โฮ” เคยทำไว้ ด้วยการใช้ เต๋อ ฉันทวิชช์ ประกบนางเอกใหม่ในบรรยากาศหนังรักที่ใช้ฉากหลังแสงสีสวย ๆ ในต่างประเทศ คราวนี้ย้ายมาเป็นฮอกไกโด เรื่องนี้จับเต๋อ
เปลี่ยนลุคจากหนุ่มขี้เล่นกวนตีน มาเป็น “เด่น” หนุ่มไอที หัวหยิกใส่แว่น ติ๋ม ๆ ยิ้มอาย ตลอดทั้งเรื่อง เขาแอบรัก นุ้ย เซลส์คนสวยประจำบริษัท แต่เด่น ก็อยู่ในฐานะหมามองเครื่องบิน เพราะนุ้ยเลือกที่จะอยู่ในสถานะเมียน้อยของ ท็อป เจ้าของบริษัทที่มีลูกเมียแล้ว แต่โอกาสก็มาถึง เมื่อบริษัทยกขบวนพนักงานไปเที่ยวที่ฮอกไกโด แล้วนุ้ยเกิดอุบัติเหตุความจำเสื่อมชั่วคราวเพียงวันเดียว เด่น เลยสวมรอยว่าเขาและเธอเป็นแฟนกัน แต่วันรุ่งขึ้นเมื่อความจำของ นุ้ย จะกลับมา เด่น จะทำอย่างไรต่อไป
พูดได้เต็มปาก ว่านี่คือหนังไทยเรื่องหนึ่งที่มีบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมาก ลงลึกเรื่องบุคลิกลักษณะตัวละครได้อย่างละเอียด เนื้อหาลื่นไหลชวนติดตาม ไม่มีรูรั่วให้เกิดคำถามสะดุดระหว่างดู รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่หยอดไว้หยิบมาใช้ประโยชน์ได้
เรื่องย่อ รีวิว Fanday (2016) แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว
หมด หนังแบ่งเป็น 3 องก์ , องก์แรกแนะนำให้เรารู้จักตัวตนของเด่น และ นุ้ย ว่าทำไม เด่น ถึงได้ไปหลงรักนุ้ย แล้วก็ปูเข้าองก์ที่ 2 ส่วนสำคัญของเรื่องคือ 1 วันที่ทั้งสองได้เป็นแฟนกัน ให้เราได้เห็นพัฒนาการค่อยเป็นค่อยไป จากที่นุ้ยความจำเสื่อมแล้วต้อง ดูหนังใหม่ อึ้งกับหนุ่มติ๋มที่ยืนอยู่ข้างหน้า ที่มาบอกว่าเขาเป็นแฟนเธอ จากท่าทีที่นุ้ยไม่ไว้ใจ แต่เด่นก็ใช้ความซื่อและจริงใจให้นุ้ยเชื่อจนสนิทใจได้ในที่สุด หนังใช้เวลากับองก์นี้ลากยาวไปถึงชั่วโมงกว่า ขมวดปมวิกฤตการณ์ของเรื่องไว้ขีดสุด สามารถลากความสนใจคนดูได้อยู่หมัด ให้ร่วมลุ้นกับบทลงเอยของทั้งคู่ในองก์ที่ 3
Fanday ค่อนข้างให้รสชาติที่แตกต่างจากหนังรอมคอมฮิต ๆ ที่ผ่านมาของ GTH ด้วยการพูดถึงด้านร้ายของความรักพอ ๆ กับด้านที่สวยงามของมัน ทั้งความเจ็บช้ำจากการแอบรักของเด่น และ นุ้ย สาวสวยที่ยอมตกอยู่ในสถานะเมียน้อยของเจ้าของบริษัท รอคำสัญญาลม ๆ แล้ง ๆ ที่เขาจะทิ้งลูกเมียมาแต่งงานกับเธอ หนังตอกย้ำให้เห็นว่าความรักในความเป็นจริงนั้นช่างโหดร้าย แตกต่างจากความรักวันเดียวของทั้งคู่ซึ่งเด่นเชื่อว่าเกิดจากปาฎิหารย์นั้นกลับสดใสสวยงาม ด้วยเนื้อหาที่ค่อนข้างหนักจริงจัง
สัดส่วนดราม่ากินไปกว่า 70% ของเรื่องเหลือพื้นที่ให้ยิ้มหัวเราะได้เพียงส่วนน้อย แต่ในด้านดราม่าของหนังก็ล้วนส่วนที่ดีของหนังที่หยิบสังคมรอบตัวที่เผชิญกันอยู่มาขยายเป็นเรื่องราว เรื่องชู้สาว คนแอบรักกันในออฟฟิศ เจ้านายแอบกินลูกน้องสวย ๆ ซึ่งหลาย ๆ สถานการณ์ที่อยู่บนจอหนังดูไปแล้วก็เกิดคำถามกับตัวเราว่าถ้าเป็นเราจะทำแบบเดียวกับตัวละครนี้ไหม
มุกที่ใส่เข้ามาก็เป็นเพียงส่วนเสริมในระดับยิ้ม ๆ ไม่ได้ถึงขั้นหัวเราะเสียงดังอย่างเช่นเรื่องก่อน ๆ ซึ่งล้วนผิดคาดจากที่เห็นในตัวอย่างไปมาก แต่กับฉากดราม่าก็ทำได้ซึ้งพอดูมองเห็นรอบ ๆ ข้างก็เช็ดน้ำตาป้อย ๆ กัน ตรงนี้ก็ต้องชื่นชมผู้กำกับโต้ง ที่สร้างชื่อจากหนังสยองขวัญ”ชัตเตอร์ฯ”มาทำหนังดราม่าที่พาอารมณ์คนดูไปได้ถึงจริง ๆ
ด้านความรักของ เด่น และ นุ้ย ก็ถ่ายทอดออกมาเป็นหนังโรแมนติกที่แท้จริง ฉากกุ๊กกิ๊กน่ารักเยอะมาก ดูแล้วยิ้มไปกับความรักของเด่นและนุ้ยได้ ดู ๆ ไปก็นึกว่า เออ ชอบฉากนี้นะน่ารักดี แต่แล้วก็ยังมีอีกมีอีก ที่ทำได้ถึงอารมณ์และถึงขั้นเป็นซีนจดจำ
เนื่้อหาเกี่ยวกับหนัง รีวิว Fanday (2016) แฟนเดย์..แฟนกันแค่วันเดียว
องค์ประกอบทุกอย่างทำหน้าที่เพียบพร้อมทั้งภาพและเสียง ดนตรีประกอบของหัวลำโพงริดดิม เจ้าประจำของ GTH ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ส่งอารมณ์ทุกฉากให้ไปถึงจุดได้ ไม่ขับจนล้นเกิน และเลือกจะหยุดเงียบในฉากตึงเครียด , บทสนทนาถูกเขียนมาได้อย่างสละสลวย บทพูดโดนใจเต็มไปหมด เชื่อว่าจะต้องมีกระทู้รวมบทพูดซึ้ง ๆ โดน ๆ ในพันทิปแน่นอน และจะต้องมีภาพคำคมจากหนังให้ส่งต่อกันอีกมาก แบบที่กวนมึนโฮเคยสร้างกระแสแบบนี้ได้ รีวิวหนัง
เต๋อ เปลี่ยนลุคไปมาก ปล่อยน้ำหนักขึ้นโชว์พุง คงจะให้เข้ากับลักษณะของหนุ่ม IT บทเขียนให้เด่นเป็นหนุ่มซื่อจริงใจ น่ารัก และโคตรสุภาพบุรุษซึ่งการกระทำของเด่นในฉากสำคัญ หนุ่ม ๆ ดูแล้ว คงจะขัดใจ ด่าว่าโง่ แต่กับสาว ๆ คงจะประทับใจว่านี่คือความรักที่บริสุทธิ์จริงใจ และเด่น น่าจะเป็นพระเอกในใจของสาวมากมายหลังจากที่ได้ชมเรื่องนี้กันไป
ภาพลักษณ์ “นุ้ย” ของมิว ทำให้เชื่อได้จริงว่านี่คือเซลส์สาวสวยมีเสน่ห์ ดูมั่นใจ ร่าเริง ผมเห็นมิวในตัวอย่างหนังก็เฉย ๆ นะ ยังนึกว่านี่ GDH ไปเอาใครมาเล่นเป็นนางเอกในหนังประเดิมค่ายเนี่ย แต่พอได้ดู มิว ในหนังก็ทำให้หลงเสน่ห์ของเธอได้เต็ม ๆ ซีนน่ารักเยอะมาก โดยเฉพาะรอยยิ้มของ มิว เชื่อว่า “Fanday” ดันให้ มิว แจ้งเกิดได้เหมือนที่เคยดันให้ หนูนา แจ้งเกิดสำเร็จจาก “กวนมึนโฮ” และชอบที่ทีมงานเลือก ตุ้ย ธีรภัทร์ มารับบท ท็อป หนุ่มเจ้าของบริษัท ตุ้ย ดูเหมาะมากกับมาด
หนุ่มไฮโซเจ้าสำอาง ที่ทำให้นุ้ยรักและเฝ้ารอได้ที่ชื่นชมอีกอย่างคือการที่หนังโปรโมทเพลง “วันหนึ่ง” ของชาติ แต่ในหนังกลับใช้ “ฝันลำเอียง” ของพี่แจ้ ถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์มากสำหรับหนังของแกรมมี่ ที่เลือกใช้เพลงของค่ายอื่นมาเป็นเพลงหลัก และใช้เวอร์ชั่นต้นฉบับด้วยไม่คัฟเวอร์ ชื่นชมครับที่เอา
อารมณ์และสารในเพลงเป็นหลักมากกว่าเหตุผลทางการค้า ตรงนี้ผู้กำกับ โต้ง บอกว่าเขาชอบเพลงพี่แจ้ และเป็นคนเลือกเพลงนี้เอง รอดูรอเชียร์ครับว่า “ฝันลำเอียง” ของพี่แจ้จะกลับมาดังมั้ย “ฝันลำเอียง” ในหนังยังได้ทำหน้าที่สัญลักษณ์ของหนังด้วยเนื้อหาของเพลงของพี่แจ้ช่างตรงกับเรื่องราวของหนัง รวมถึง “เทศกาลหิมะซัปโปโร”เองก็ถูกใช้ทำหน้าที่สัญลักษณ์แทนความรักของทั้งคู่ได้ลงตัว แทนภาพความสวยงามที่อยู่ได้เพียงชั่วคราวแล้วก็ถูกทำลายทิ้ง
Fanday เป็นหนังเปิดตัว GDH ได้อย่างสมศักดิ์ศรีด้วยทุกองค์ประกอบล้วนทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ ได้ซึ้งน้ำตาซึม ได้ยิ้มไปกับความรักของเด่นและนุ้ย แต่ทั้งนี้ก็เผื่อใจไว้นิดว่าหนังไม่ได้สดใสใส่มุกแน่น เหมือนอย่างเรื่องก่อน ๆ ของ GTH นะครับ อีกอย่างหนังยาวมากครับ 2 ชั่วโมง 16 นาที