รีวิว หัวใจไม่สงบอยากจบที่เธอ (2021)
เป็นหนึ่งในหนังจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ที่ได้รับความสนใจ จนได้เข้าชิงออสก้าร์ปีล่าสุดถึง 2 สาขา สำหรับหนังสัญชาตินอร์เวย์ที่ว่าด้วยเรื่องราวความรักผู้หญิงที่ชื่อว่า จูลี่ ภายใต้ชื่อเรื่องที่ดึงดูดไม่น้อยอย่าง The Worst Person in the World
The Worst Person in the World เล่าเรื่องของ จูลี่ ในวัยใกล้เหยียบ 30 ด้วยความไม่เป็นโล้เป็นพายใจโลเล ยังไม่แน่ใจกับเส้นทางตัวเอง เธอได้พบพานกับนักเขียนการ์ตูนที่ต่างวัย จนด้วยเคมีที่ทั้งคู่มีทำให้ทั้งสองตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกัน จนกระทั่งเธอได้พบกับไอวินด์ ที่เธอรู้สึกชอบพอในบทสนทนาที่ทั้งคู่มี แต่ก็พยายามหักห้ามใจไม่ล้ำเส้นกัน เว็บหนัง
แม้จะเล่าเรื่องย่อ แต่ The Worst Person in the World ก็ถูกก่อร่างเป็นเรื่องราวยาว ๆ เรื่องหนึ่งเกินกว่าที่จะสรุปเป็นเพียงแค่พล็อตในไม่กี่บรรทัด เมื่อก้าวเข้าไปดู คุณจะค้นพบว่า ตัวหนังถูกแบ่งเป็น 12 บท พร้อมด้วยปฐมบทและปัจฉิมบทที่สรุปเรื่องราวทั้งหมด ด้วยศูนย์กลางของเรื่องอย่างจูลี่ ที่พร้อมผ่านเรื่องราวในชีวิตผ่านความสัมพันธ์หวานชื่นปนขม และแทรกด้วยมุมมองต่าง ๆ ของชีวิต
การที่หนังได้เข้าชิงในสาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมบนเวทีออสก้าร์ ก็เป็นการันตีความคมคายเฉียบขาดของบทภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี ทั้งการปูลักษณะนิสัยของตัวละครอย่างจูลี่ในช่วงเกริ่นนำ และในแต่ละช่วงของเรื่องราวถูกแยกย่อยออกเป็นบทที่ไม่เท่ากัน แต่ในบทหลัก ๆ
ก็เป็นจุดสำคัญที่เผยให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวละครที่ชัดเจน แต่ในบทย่อย ๆ ที่กระชับนั้นเอง มันก็ช่วยเสริมให้เห็นซึ่งทัศนคติของแต่ละตัวละครจนทำให้เราเห็นซึ่งมุมมองของตัวละครในเรื่องราวความรัก การใช้ชีวิต รวมถึงการตัดสินใจในช่วงวัย 30 ของจูลี่
การใช้โทนหนังแนวรอมคอมส่องผ่านมุมมองการใช้ชีวิตผ่านตัวละครหญิง ทำให้เรารู้สึกผ่านเรื่องราวต่าง ๆ ในเรื่องไปได้โดยไม่เขอะเขินและรู้สึกถึงความเป็นจริงในความโรแมนติคและความขัดแย้งที่ทุกคู่ชีวิตน่าจะมี ทั้งความเข้ากันและไม่เข้ากันในด้านในด้านหนึ่ง ไม่ฟูมฟายตีโพยตีพาย แต่ก็ทำให้เราเห็นซึ่งมุมมองที่ต่างกันในแง่ของทัศนคติและการใช้ชีวิตที่ยอดเยี่ยม โดยไม่ชี้นำหรือตัดสินว่า การกระทำแต่ละอย่างของเธอคือสิ่งที่ถูกหรือผิด เว็บดูหนัง
นอกเหนือจากนี้ หนังก็เต็มไปด้วยเคมีจากนักแสดงที่สุดแสนจะอัศจรรย์ นำโดย เรนาเต ไรนส์เวอ ที่แม้จะเป็นตัวละครหญิงที่ดูโลเลในช่วงแรก แต่เธอก็ฉายแววถ่ายทอดเรื่องราวและกลายเป็นหนึ่งในตัวละครเปี่ยมเสน่ห์ที่พลอยให้เราอดหลงใหลไปด้วยไม่ได้ แถมด้วยเทคนิคการกำกับหลายช่วงก็เต็มไปด้วยความน่าจดจำ ทั้งช่วงเวลาที่หนังพูดถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต ก็มาพร้อมการกำกับจังหวะที่ทำให้แต่ละช่วงเวลาของหนังเต็มไปด้วยมนตร์ขลังที่น่าประทับใจมาก ๆ
สิ่งที่ The Worst Person in the World กลายเป็นหนึ่งในหนังที่น่าจดจำ ก็คือ ศักยภาพของตัวหนังที่ไปไกลเกินกว่าจะเป็นแค่หนังรอมคอมธรรมดา แต่มันกลับเต็มไปด้วยความพิเศษที่เรารู้สึกได้ การพูดถึงประเด็นต่าง ๆ นานาอย่างหลวม ๆ แต่มันทำให้เรารู้สึกคล้อยตามไปกับเนื้อเรื่องได้ ทั้งความต่างด้านทัศนคติในชีวิตของตัวละครที่ต่างวัย ความต่างด้านความต้องการในการใช้ชีวิตแม้ตัวละครอยู่ในวัยเดียวกัน สะท้อนถึงความแตกต่างที่ชีวิตคู่ต้องปรับเปลี่ยนเข้าหากัน
นอกจากนี้ ตัวหนังยังมาพร้อมประเด็นมากมาย ทั้งการพูดถึงประเด็นทางเพศ การเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย การใช้ชีวิต การมีชีวิต รวมถึงการให้กำเนิดชีวิตในแง่มุมที่ไม่ยืดยาวแต่ลึกซึ้งพอจะเก็บไปคิดได้ต่อ ในหลายช่วงหลายตอน ตัวละครจูลี่จะพูดถึงสถานะตัวเอง ที่เธออยากเป็นผู้เลือกหรือเป็นดั่งตัวเอกในเรื่องของตนเอง
ก็สะท้อนไปดั่งโจทย์ใหญ่ของหนัง ที่ว่าด้วยตัวเลือกที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงด้านความสัมพันธ์ ซึ่งมันก็ทำให้เราได้เห็นว่า แม้ในบางที การตัดสินใจที่เรารู้สึกว่า ใช่ อาจเปลี่ยนแปลงสถานะให้เรากลายเป็นคนแย่ ๆ ในสายตาคนอื่น ทั้งที่ในบางครั้ง เราก็เพียงเลือกในสิ่งที่คิดว่ามันดีที่สุดสำหรับเราเท่านั้นเอง..
The Worst Person in the World คือหนังรอมคอมสัญชาตินอร์เวย์ ที่ให้มากกว่าเพียงความหวานชื่นของคู่รัก นำด้วยการแสดงเปี่ยมเสน่ห์และบทที่คมคายเฉียบขาดมากด้วยหลายประเด็น พร้อมมอบมุมมองของชีวิตที่เราก็รู้สึกร่วมไปด้วยได้ ทั้งการใช้ชีวิตและมีชีวิตผ่านตัวเลือกทางความสัมพันธ์ ที่การตัดสินใจในบางครั้งอาจเปลี่ยนให้เรากลายเป็นตัวร้ายในสายตาคนอื่น ทั้งที่บางครั้งเราก็อยากเป็นตัวเอกในเรื่องราวของตัวเอง เว็บดูหนังฟรี
‘จากนักเรียนแพทย์ สู่การลาออกมาเป็นนักจิตวิทยา และผันตัวมาเป็นช่างภาพในท้ายที่สุด’ นี่คือบทนำในภาพยนตร์ The Worst Person in the World ที่พยายามชวนคนดูมาทำความรู้จัก จูลี (รับบทโดย Renate Reinsve) หญิงสาววัยกลางคนที่กำลังมองหาเส้นทางของชีวิตที่เธอรู้สึกเหมาะสม
เนื้อเรื่องหนัง รีวิว หัวใจไม่สงบอยากจบที่เธอ (2021)
น่าสนใจที่ในช่วงแรกหนังเล่าถึงวิธีการไล่ล่าชีวิตในอุดมคติของ จูลี เป็นการปูบทบาทให้เข้าใจถึงนิสัยใจคอของตัวละครเอก ว่าเป็นคนไม่ยึดโยงกับขนบทางสังคมใดๆ พร้อมจะกระโจนเข้าหาสิ่งที่น่าสนใจกว่า และไม่จำเป็นต้องรู้สึกเสียดายความสำเร็จที่เพิ่งไล่ล่ามาได้ก่อนหน้า ถือเป็นมุมชีวิตที่น่าสนใจ และไม่ค่อยได้เห็นในวิถีชีวิตของคนไทยเท่าไรนัก
หากมองในเชิงบริบทของตัวละครที่อยู่ในเมืองออสโล ประเทศนอร์เวย์ ซึ่งมีการจัดสรรรัฐสวัสดิการดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จึงเปิดโอกาสให้คนสามารถหาความท้าทายทางอาชีพได้ง่ายยิ่งขึ้น เพราะการมีรัฐสวัสดิการที่ดีเป็นต้นทุน จึงไม่จำเป็นต้องคำนึงรายได้ที่จะพอเลี้ยงปากท้องหรือไม่เป็นสำคัญขนาดนั้น เพราะพวกเขามั่นใจได้ว่าภาครัฐยังคอยช่วยเหลืออยู่ หากวันหนึ่งทางเลือกที่ตัดสินใจไม่ประสบความสำเร็จตามที่ใจหวัง
ทำให้ในช่วงแรกของเรื่อง เราจึงเห็นการใช้ชีวิตของคนที่อยู่ในเมืองคุณภาพ มีทางเลือกให้กับชีวิตของตนเองมากยิ่งขึ้น เป็นมิติของการใช้ชีวิตที่หากมองผ่านเลนส์คนไทยอาจดูแปลกและเป็นไปได้ยาก แต่สามารถเกิดขึ้นได้ในอีกฝั่งของโลก ณ ปัจจุบัน
แต่สำหรับเรื่องความสัมพันธ์ ตัวเลือกอาจจะไม่ได้มีมากมายนัก เพราะหลังจากใช้ลูกเล่นเรื่องหน้าที่การงานของจูลี ที่สะท้อนให้เห็นถึงแนวคิดและการใช้ชีวิตของเธอที่ค่อนข้างพเนจร เหมือนกำลังวิ่งตามหาบางอย่าง ไม่ลงหลักปักฐานกับอะไรเป็นการถาวร ทำให้การใช้ชีวิตเช่นนี้ในความสัมพันธ์ร่วมกับบุคคลอื่น จึงสร้างปัญหาตามมาอีกมาก เว็บหนังฟรี
อักเซล (รับบทโดย Anders Danielsen Lie) หนุ่มนักวาดการ์ตูนหัวขบถ ดิบห่าม ตามสไตล์งานแบบ Underground คือรักแรกของเธอจากการพบกันในปาร์ตี้ อักเซลเป็นคนที่ฉลาดตามความคิดของจูลี ผ่านวิธีการพูด การรับฟัง ที่เข้าใจถึงตัวตนของเธออย่างชัดแจ้ง ทำให้เธอหลงใหลชายคนนี้เป็นพิเศษ จนถึงขั้นพาไปพบกับพ่อผู้ไม่ลงรอยกัน
ทุกอย่างกำลังไปได้สวย แต่นั่นเป็นเพราะช่วงแรกหนังให้เรารู้จักอักเซล (Aksel) ผ่านสายตาจูลีเท่านั้น เพราะเมื่อเริ่มสลับฝั่งกลับมามองผ่านเลนส์ของอักเซล เราจะพบความแตกต่างของทั้งคู่ที่ชัดเจน และดูเป็นปัญหากับความสัมพันธ์มาก เช่น อักเซลอยากลงหลักปักฐาน พัฒนาเป็นครอบครัว แต่จูลียังอยากอยู่ในสถานะคู่รักที่คล่องตัวและมีอิสระมากกว่า
ความ ขัดแย้งดังกล่าวเริ่มส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์มากขึ้นเรื่อย ๆ หลายสถานการณ์ตัวละครก็ชวนคนดูชั่งน้ำหนักว่าสุดท้ายแล้ว ใครถูกหรือใครผิดในความสัมพันธ์กันแน่ ซึ่งไม่ว่าผู้ชมจะเลือกเชียร์ฝั่งไหน เชื่อว่าวิธีแก้ปัญหาที่เหมาะสมต่อทุกฝ่ายคือการต้องเลิกรา จากกันไป แต่แน่นอนว่า หากเราเจอคนที่คลิกกันขนาดนี้ เราจะแยกทางกันเพราะความคิดเห็นไม่ตรงกันเพียงแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวได้จริงหรือ นั่นคือคำถามที่น่าสนใจ
รื่องราวซับซ้อนขึ้นไปอีก เมื่อจูลีได้พบกับ ไอวินด์ (รับบทโดย Herbert Nordrum) หนุ่มบาริสต้าที่ร้านกาแฟ ซึ่งพูดคุยถูกคอได้ดีไม่แพ้กัน และเมื่อความระหองระแหงจากแอกเซลทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น จึงนำไปสู่การตัดสินใจเลิกรา และเริ่มคบหากับไอวินด์ในท้ายที่สุด ซึ่งตรงนี้มีจุดน่าสนใจในช่วงที่จูลีกำลังจะเปลี่ยนความสัมพันธ์ โดยหนังให้เวลาและตั้งใจถ่ายทอดทุกอารมณ์อย่างเต็มที่
บทสรุปหนัง รีวิว หัวใจไม่สงบอยากจบที่เธอ (2021)
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ผู้เขียนมองว่าตลอดเวลาที่หนังกำลังเล่าถึงความไม่แน่นอน บ่ายเบี่ยงจะตัดสินใจ หรือเลือกทำอะไรบางอย่าง การที่จูลีเลิกกับอักเซลที่ชอบพอกันมากๆ ถือเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งของจูลี ที่มีตัวแปรอื่นนอกจากตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็น ‘Turning point’ สำคัญที่ทำให้เธอต้องเลือกอะไรบางอย่าง
แน่นอนว่า ท้ายที่สุดการเลือกไอวินด์อาจจะไม่ถูกต้อง และต้องจบความสัมพันธ์ลง แต่ ณ จุดนั้นเองที่ทำให้จูลีได้รู้จักอีกมิติหนึ่งของชีวิต นอกจากการต้องรับความเสี่ยงและยอมรับผลในการกระทำของตน และเติบโตในการเป็น Someone ของใครบางคนได้ดีมากยิ่งขึ้น มิติของชีวิตคู่เป็นเรื่องน่าหลงใหลและพิศวงสุดๆ ไม่มีหลักสูตรที่มาบอกว่าอะไรถูก อะไรผิด แต่มันก็กลับไม่ได้มีเสรีภาพที่จะทำอะไรก็ได้ไปเสียหมด ทุกการตัดสินใจล้วนส่งผลกระทบต่อกัน
ดังนั้น หากจะให้จบแบบมีข้อคิด The Worst Person in the World อาจจะเป็นการชวนเราตั้งคำถามว่า ความสัมพันธ์เรามีขอบเขตขนาดไหน และสามารถยอมรับผลที่จะตามมาได้มากน้อยเพียงใด จากการกระทำในเส้นเขตเหล่านั้นของแต่ละคนและจากเส้นที่กว้าง-แคบในความสัมพันธ์เหล่านั้น เราจึงค่อยมาตัดสินตัวละครจูลีกันอีกทีว่าเธอถูกหรือผิดในเรื่องราวที่เกิดขึ้น รีวิวหนัง
หากจะบอกว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังโรแมนติกก็คงไม่ผิด เพียงแต่ความโรแมนติกที่เกิดขึ้นนั้นคือความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสังคม ที่จะใช้ชีวิตอยู่ในขนบแบบที่ยึดถือกันมาหรือไม่ ต้องหางานที่มั่นคงไหม ต้องมีรักเดียวที่ยั่งยืนหรือเปล่า คำถามเหล่านี้ โยคิม เทรียร์ (Joachim Trier) ผู้กำกับของเรื่องก็ทำได้ยอดเยี่ยมในการถ่ายทอดให้เห็นในหลากหลายแง่มุม และที่สำคัญคือไม่พยายามไปตัดสินว่าอะไรถูกหรือผิด ปล่อยให้เป็นการดำเนินชีวิตของแต่ละตัวละครตามที่พวกเขานึกฝัน
สิ่งเหล่านี้ชวนให้ผู้เขียนแอบคิดไม่น้อยว่า หากการเป็น The Worst Person in the World แต่เรามีความสุข มันฟังดูโอเคมากน้อยแค่ไหน ด้วยรสชาติที่สุดแสนพิศวงและแปลกใหม่เช่นนี้ จึงไม่แปลกใจเลยที่หนังจะถูกเสนอชื่อเข้าชิงสาขารางวัลภาพยนตร์นานาชาติและรางวัลบทดั้งเดิมยอดเยี่ยม ในเวทีออสการ์ ปี 2022 (Academy Awards ceremony) ที่กำลังจะมาถึง