รีวิว The Dreamers (2003)
เราว่าใครหลายคนน่าจะเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามสำหรับเรื่องนี้ เพราะมันติดอันดับ 1 ใน 10 หนังที่มีฉากอิโรติกที่น่าจดจำที่สุด! เกริ่นมาขนาดนี้น่าจะถูกใจใครหลายคนแล้ว ซึ่งมันก็อ่ะนะ เห็นชัดเจนทุกเม็ดทุกหน่วยจริงๆ แต่ความสาระมันก็ยังมีนะเออ หนังเล่าถึงแมททิว หนุ่มหน้ามนจากอเมริกาที่ย้ายมาเรียนที่ปารีส ดูหนังใหม่
เค้าเป็นพวกคอหนังจึงได้พบกับฝาแฝดชายหญิงอย่างอิซาเบลและธีโอในการชุมนุมประท้วงที่รัฐผู้ก่อตั้งโรงหนังที่ทั้งสามชอบไปจะลาออกจากตำแหน่ง หลังจากได้รู้จักกัน อิซาเบลกับธีโอก็ได้ชวนแมททิวไปอยู่ที่บ้านของตน คืนนั้นแมททิวตื่นขึ้นกลางดึกแล้วเผลอเห็นอิซาเบลกับธีโอนอนเปลืออยู่ข้างกัน และนี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เค้ากำลังจะเข้าสู่ความสัมพันธ์อันประหลาดนี้
ความจริงคือหนังเล่าถึงหลายอย่างมาก ไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องเซ็กส์ แต่เป็นเรื่องของอุดมการ ความคิด ความรุนแรง สงคราม การประท้วง การเมือง บลาๆๆ คือคำพูดและการกระทำของตัวละครทุกตัวมันอัดแน่นไปด้วยปรัชญา สาระต่างๆ เอาไว้อย่างล้นเหลือ โดยเฉพาะตัวละครหลักทั้งสามอย่างแมททิวและฝาแฝดทั้งสอง คือเหมือนหนังไม่ได้เล่าแค่เออ มีเซ็กส์กันนะ เปลือยกายใส่กันได้นะ แค่นั้นจบ แต่มันเจาะลึกเข้าไปว่าทำไมคนทั้งสามถึงเลือกทำแบบนี้ ความคิดและจุดยืนของแต่ละคนเป็นอย่างไร
อีกสิ่งที่เด่นสำหรับหนังเรื่องนี้คือการประท้วง หนังจะตัดไปมาระหว่างชีวิตที่ล่องลอยของคนทั้งสามและการประท้วงอันรุนแรงของคนข้างนอก ซึ่งนำไปสู่ฉากจบที่เราแบบชอบมาก เป็นหนังที่ทำตอนจบได้โดนใจเรา ทำให้เรารู้สึกว่า เออ ต่อให้สนิทกัน รู้จักกันถึงไส้ถึงพุงแค่ไหน แต่หากจุดยืนต่างกัน ก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้
แต่ต้องขอสารภาพตรงนี้ว่า คำพูดสวยหรูของหนังแทบจะทั้งเรื่องเรายังเข้าไม่ค่อยถึงทั้งหมด เป็นหนังที่ต้องประมวลความคิดอย่างรุนแรงมาก55555 แต่ขนาดไม่ได้เข้าใจ เรากลับชอบ ชอบแบบชอบเลย รู้สึกว่ามันดึงเอาพลังงานบางอย่างออกมาได้ ชอบมากแม้จะไม่ค่อยรู้เรื่อง ถึงได้บอกว่าเป็นหนังติสแตกอีกเรื่องนึง5555
มาถึงฉากอย่างว่า พูดเลยว่าถ้าคุณได้ดเวอร์ชั่น uncut จะเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ดเลยทีเดียว55555 เห็นทุกอย่างด้วยความชัดเจนแจ่มแจ้ง ทุกอนูรูขุมขนโดยเฉพาะดาราสาวหน้าสวยอย่างอีวา กรีนที่รับบทเป็นอิซาเบล เรียกได้ว่าทุกซอก ทุกหลืบ รวมถึงหนุ่มๆ ทั้งคู่ด้วยเช่นกัน ชัดเจน แจ่มแจ้งสุดๆ ต้องยอมรับเลยว่าเป็นหนังที่มีฉากอย่างว่าได้โคตรอิโรติกสมคำร่ำลือเลยทีเดียว
สำหรับเรา เราว่าเรื่องนี้ไม่ได้ขายความโป๊เปลือยของนักแสดงเลยซักนิด ด้วยมุมกล้องด้วยอะไรทั้งหลายแหล่ ภาพที่ได้ดูเลยเป็นอะไรที่เหมาะเจาะและลงตัวกับบทหนังทั้งหมดที่รองรับอยู่ ชอบที่เอาบางฉากในหนังคลาสสิคสมัยก่อนหลายๆ เรื่องมาเทียบเคียงกับตัวละครทั้งสาม ทำออกมาแล้วดูดีอ่ะพวกคุณ อยากให้ลองได้ดูฉากพวกนี้ คือเป็นหลายๆ ซีนที่เราชื่นชอบ แถมยังโผล่ออกมาแทบตลอดทั้งเรื่องอีก มีพลังมาก
เรื่องย่อ รีวิว The Dreamers (2003)
การตัดภาพทำได้น่าสนใจมากๆ ชอบซีนที่มีกระจก กระจกในเรื่องมักจะมี 3 บานและถ่ายหน้าคนทั้งสามอยู่ในกระจกคนละบานกัน เราว่ามันติสดี และอีกหลายๆ ฉากที่แบบอยากให้ได้ดูกันจริงๆ สรุปว่า ถ้าตัดประเด็นความโป๊เปลือยออกไป นี่จะเป็นหนังที่ดีมากๆ อีกเรื่องนึงที่เราเชื่อว่าจะครองใจใครหลายๆ คนได้ โดยเฉพาะคอหนังอินดี้ทั้งหลายนี่คือห้ามพลาดจริงๆ บทสรุปของความสัมพันธ์ของคนทั้งสามเป็นอะไรที่โคตรได้ใจเรา ดูหนังฟรี
แต่ว่า ถ้าคุณเข้ามาเพื่อจะดูฉากอย่างว่า เราว่ามีง่วงแน่นอน เพราะหนังพูดเยอะมากกก และเป็นการพูดที่คุณจะไม่มีทางเข้าใจได้เลยหากไม่ได้ดูตั้งแต่ต้น ดังนั้นกรอไปรัวๆ The Dreamers (2003) หนังร้อนแรงในตำนานของผู้กำกับ แบร์นาโด แบร์โตลุชชี (Bernado Bertolucci) ที่หยิบช่วงหนึ่งในห้วงประวัติศาสตร์ ช่วงเวลาแห่งการปฏิวัติของนักศึกษาในปารีสปี 1968 ที่มีฉากหลังซ้อนเป็นสงครามเวียดนาม—เบ้าหลอม
อุดมการณ์ให้หนุ่มสาวทั่วโลกออกมามีส่วนร่วมทางการเมือง ไฟวัยเยาว์ที่หล่อหลอมพวกเขาเข้ากันไว้ และความเบื่อหน่ายต่อการใช้กำลังอำนาจในนามสันติภาพ มันเหนื่อยหน่ายเกินไป ไฟแห่งความคิดที่เมื่อติดแล้วพร้อมจะขยายวงเพลิงจากนักศึกษาไปจนถึงกลุ่มผู้ใช้แรงงาน ไฟที่จุดวงกว้างจนค่อยๆ สั่นสะเทือนอำนาจผูกขาดให้สั่นคลอน
แต่เปล่าหรอก ธีโอ (Theo) อิซาเบลล์ (Isabelle) และแมทธิว (Matthew) ไม่ได้ถูกหล่อหลอมเข้ากันด้วยเปลวไฟอุดมการณ์อะไรเทือกนั้น หากมันคือความไร้เดียงสาของวัยเยาว์ต่างหาก การเติบโตในประสบการณ์ทางเพศและการสูญเสียความบริสุทธิ์ให้กับมัน ความงอกงามของมิตรภาพและการพังทลายของความสัมพันธ์ ความหวังในวัยหนุ่มสาว และความหดหู่ ไร้อำนาจทำอะไรไม่ได้กับความหวังที่มี
แมทธิว หนุ่มชาวอเมริกันที่มาเรียนแลกเปลี่ยนในปารีสเพื่อเลี่ยงการเข้าร่วมในสงครามเวียดนาม เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปในซีเนมาเธค (Cinematheque) โรงหนังมืดคับแคบ แต่เรื่องราวน่าตื่นตาตื่นใจในจอโลกภาพยนตร์กลับสว่างไสวพาพวกเขาออกห่างไปจากความวุ่นวายของชีวิตและสังคม
ในวันที่ซีเนมาเธคถูกสั่งให้ปิดลง คอหนังออกมาประท้วงด้วยความไม่พอใจ แมทธิวได้พูดคุยกับสองพี่น้อง ธีโอและอิซาเบลล์ ลูกครึ่งฝรั่งเศส-อังกฤษเป็นครั้งแรก แมทธิว หลงใหลความก๋ากั่นคาดเดาไม่ได้ของอิซาเบลล์ที่ยืนคาบบุหรี่ล่ามโซ่ตนเองไว้กับกำแพง ในขณะที่อิซาเบลล์เองก็ชอบความไร้เดียงสา สะอาดสะอ้านผิดวิสัยของคนรักหนังที่เธอเคยชิน
หลังจากเจ้าหน้าที่เข้ามาสลายการชุมนุม พวกเขาทั้งสามเดินคุยกันต่อริมแม่น้ำแซน บทสนทนาไหลเรื่อยเอื่อยไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดตั้งแต่ความรัก ศิลปะ การเมือง หรือแม้กระทั่งทำไมฝรั่งเศสถึงไม่เคยมีวงร็อกดีๆ เสียที ตั้งแต่นั้นมาโลกภาพยนตร์และบทสนทนาก็หล่อหลอมพวกเขาทั้งสามเข้าไว้ด้วยกัน บทสนทนาที่เย้ายวนชวนโมโหอยากกระโจนเข้าไปร่วมวงตั้งแต่ชาร์ลี แชปลิน หรือบัสเตอร์ คีตัน ใครกันที่เป็นนักแสดงตลกชั้นนำมากกว่า ไปยันบทสนทนาเดือด
ดาลที่แม้จะนั่งคุยกันในอ่างก็ไม่ช่วยคลายความร้อนได้อย่างการเข้าร่วมสงครามเวียดนาม แมทธิวที่พยายามอธิบายว่ามันเลี่ยงไม่ได้ ถ้าไม่เข้าร่วมสงครามก็จะถูกจับเข้าคุก ธีโอส่ายหัว สายตาเกลียดชังว่าให้เข้าคุกเสียยังจะดีกว่าต้องเข้าร่วมสงคราม แมทธิวได้แต่ส่ายหน้าว่าธีโอไม่เข้าใจ นายนี่ไม่เข้าใจเสียเลย
บทสนทนาและบทในโลกภาพยนตร์หลอมพวกเขาเข้าไว้ด้วยกันอย่างประหลาด ผ่านเกมพิสดารที่พวกเขามักเล่น เช่น วิ่งข้ามพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ใน 9.45 นาทีเพื่อทำลายสถิติหนังเรื่อง Bande à part (1964) แมทธิวที่บ้าบิ่นเล่นตามแม้จะสงสัยคัดค้านอยู่บ้าง ทำให้ธีโอและอิซาเบลล์ยอมรับแมทธิวคนต่างชาติชาวอเมริกันอย่างเขาเป็นพวกเดียวกัน (“We accept you, One of us! One of us!”3)
แต่แมทธิวไม่รู้เลยว่าความใกล้ชิดสนิทสนมระหว่างพวกเขาจะลามปามไปไกลได้ถึงการที่อิซาเบลล์ลงโทษธีโอเมื่อเขาทายชื่อหนังที่เธอร่ายรำเป็นคำใบ้ให้ไม่ได้ บทลงโทษที่เธอสั่งให้เขาช่วยตัวเองต่อหน้ารูปภาพนักแสดงคนโปรด “ราวกับไม่มีใครจับจ้องอยู่” (“I want you to do it the way you did it… when you thought no one was watching.”)… บทลงโทษซาดิสม์ที่แมทธิวคิดไม่ถึงว่าสักวันหนึ่งเขาจะเป็นผู้แพ้เกมทายชื่อนั้น และบทลงโทษจะย้อนกลับมากลายเป็นธีโอที่บอกให้เขาร่วมรักกับอิซาเบลล์ต่อหน้าเขา—ราวกับไม่มีใครจับจ้อง
รีวิว The Dreamers (2003)
จากความอับอายกลายเป็นการสู่สม แมทธิวหนุ่มอเมริกันไร้เดียงสานั้นแอบชอบอิซาเบลล์สาวฝรั่งเศสผู้เปี่ยมเสน่ห์ด้วยความซับซ้อนแต่แรกเจอ คำท้าของธีโอจึงกลายมาเป็นตัวช่วยให้แมทธิวสำเร็จทั้งความปรารถนาและความใคร่ หากนาทีที่เขาเสร็จสมนั้นเอง เสียงปืนก็ดังลั่นกะทันหันจากข้างนอก รีวิวหนัง
แต่ไม่รู้ว่าเพราะเสียงปืนหรือคราบเลือดจากช่องคลอดของอิซาเบลล์ที่ทำให้เขาแตกตื่นยิ่งกว่าเมื่อพบว่านี่คือการร่วมรักครั้งแรกของเธอ… ความแตกตื่นทั้งเสียงปืน และคราบเลือดที่ไม่สามารถหยุดยั้งทั้งคู่ได้ พวกเขายังคงสำเร็จความใคร่กันต่อไป แม้มีคราบเลือดของอิซาเบลล์ที่เลอะติดมือ และคราบเลือดของผู้คนที่สาดกระเซ็นแปดเปื้อนถนน
ความคลั่งไคล้ในโลกแต่งจรรโลงโลกของภาพยนตร์หลอมพวกเขาให้ใกล้ชิดกัน พอๆ กับที่ผลักไสเขาออกจากโลกภายนอก วันทั้งวันหมดไปกับการเล่นเกมทายชื่อหนังและบทลงโทษพิสดาร (ที่ธีโอบอกว่ามันไม่ใช่การฝึนใจให้ทำ แต่มันคือการเป็นหนึ่งเดียวกันจนถึงขั้นอ่านใจกันได้มากกว่าจึงท้าทายให้ทำอะไรพรรค์นั้น)
นักแสดงหลายคนเริ่มต้นจากการเล่นหนังที่ต้องโชว์เนื้อหนังมังสา “Eva Green” ก็คือหนึ่งในนั้น เธอเริ่มเป็นที่รู้จักจากหนังอินดี้เล็กๆ “The Dreamers” (2003) ที่กลายเป็นหนังในตำนาน เพราะเรื่องนี้เธอเปิด “หมดเปลือก” จริงๆ แบบที่ทำให้ฉากโป๊เปลือยของดาราหลายคนกลายเป็นเรื่องขำๆ ไปเลย และไม่เพียงแต่ Eva เท่านั้น นักแสดงชายในเรื่องอย่าง “Michael Pitt” ที่ปัจจุบันก็เป็นนักแสดงที่มีผลงานอยู่เรื่อยๆ ล่าสุดของ Ghost in the Shell ก็เปิดหมดเช่นกัน จนอดคิดไม่ได้ว่า ผู้กำกับกล่อมนักแสดงยังไงให้ยอมเล่นแบบเปลืองตัวขนาดนี้
จริงๆ “The Dreamers” มีแผ่นขายในไทยนานแล้ว แต่จะเป็นเวอร์ชั่นแบบมีม่านหมอกศีลธรรมอยู่ เพิ่่งมีประมาณปีที่แล้วมั้ง ที่มีการทำแผ่นเวอร์ชั่น Uncut Uncen ออกมา (ชี้เป้า Lido) ซึ่งพอได้ดูเต็มๆ ก็สมคำร่ำลือจริงๆ จัดหนัก จัดเต็ม ถึงใจ ถึงอารมณ์กันเลยทีเดียว
กระนั้นก่อนที่จะถลำลึกไปกว่านี้ เหอะๆ ถอยออกมาดูภาพรวมของหนังดีกว่า จะได้ดูเป็นรีวิวหนังหน่อย “The Dreamers” กำกับโดย “Benardo Bertolucci” (The Last Emperor, Little Buddha) เล่าเรื่องราวของ “Matthew” (Michael Pitt) นักศึกษาชาวอเมริกาที่มาแลกเปลี่ยนยังฝรั่งเศส ช่วงปลายยุค 1960’s
ที่นี่ Matthew ได้พบกับคู่แฝดชายหญิง “Theo” (Louis Garrel) กับ “Isabelle” (Eva Green) ความหลงใหลในภาพยนตร์และแนวคิดหัวขบถที่ทั้ง 3 มีเหมือนกัน ผูกพันทั้ง 3 เข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว และพวกเขาเลือกจะใช้เวลาร่วมกันในอพาร์ทเมนท์ของคู่แฝด
ที่เหลือก็เน้นไปที่ช่วงเวลาที่ทั้ง 3 คนอยู่ด้วยกัน ซึ่งก็มีทั้งเล่นเกมส์ทายชื่อหนัง ถกเถียงเรื่องศิลปะ และ “Sex” ซึ่งเราจะได้เห็นความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนของคู่แฝด ที่เหมือนจะเป็นมากกว่าแค่พี่น้อง (ก็พี่น้องที่นอนแก้ผ้าด้วยกันอะ) หรือความอยากเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของ Matthew จนกลายเป็นปัญหาความสัมพันธ์ของทั้ง 3 คน
แต่โดยภาพรวม หนังเรื่องนี้เหมือนจะต้องการสะท้อนปนประชดประชัน “นักฝัน” ในยุคหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตอยู่กับความฝันมากกว่าความจริง ทั้งในเรื่องชีวิตส่วนตัวหรือในสังคม Theo กับ Isabelle เหมือนจะเป็นหัวขบถ ต่อต้านสงครามเวียดนาม ต่อต้านการควบคุมศิลปะ แต่ขณะเดียวกันทั้ง 2 ก็ดูจะปฏิเสธการรับรู้ข่าวสาร ไม่ดูโทรทัศน์ และมักมีปัญหากับคนที่มีความเห็นต่างๆ จนอดคิดไม่ได้ว่าแท้จริงแล้วพวกเขาเป็นพวกหัวก้าวหน้า หรือแค่คนที่อยากขบถต่อสังคมเพื่อให้ดูแตกต่างเท่านั้น