รีวิว The Age of Adaline
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นแนว Romantic Drama ที่ดำเนินเรื่องอย่างราบเรียบ ทว่ากลับมีการเล่าเรื่องอย่างมีชั้นเชิงผ่านตัวละครหลัก อดาไลน์ โบว์แมน หญิงสาวที่ประสบอุบัติเหตุตอนอายุ 29 ผลจากการประสบอุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้เธอมีร่างกายที่ไม่มีวันแก่ แต่สามารถบาดเจ็บได้ ซึ่งจุดที่น่าชมเชยของภาพยนตร์เรื่องนี้คือพยายามแทรกเหตุผลว่า “ทำไม?” อดาไลน์ถึงได้มีชีวิตที่ยืนยาว ไม่มีวันแก่อยู่ด้วย
เนื้อเรื่อง รีวิว The Age of Adaline
อีกสิ่งที่ทำให้เรื่องนี้ดูไม่แบนคือความสามารถในการแสดงของตัวละคร ทุกตัวละครสามารถแสดงได้ดีเข้าถึงบทบาท เพียงแต่ด้วยระยะเวลาที่สั้น และ การดำเนินเรื่องที่ราบเรียบทำให้ตัวภาพยนตร์ขาดจุดพีค ขาดจังหวะ ทำให้ความโศกเศร้า ความซึ้งต่างๆ ถ่ายทอดออกมาได้ไม่ดีอย่างที่มันควรจะเป็น เช่น ช่วงที่อดาไลน์ตัดสินใจจะใช้ชีวิตอยู่กับเอลลิส อดาไลน์จะต้องตัดสินใจเยอะมากๆ เพราะร่างกายของตัวเองนั้นผิดปกติ ทว่าในตัวบท ฉากตรงนี้กลับเล่าออกมาได้ไม่เห็นภาพเท่าที่ควร
เรื่องย่อ รีวิว The Age of Adaline
อดาไลน์ โบว์แมน (เบลค ไลฟ์ลี) หญิงสาววัย 29 ปีได้ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงในคืนหิมะตกคืนหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำเธอจะไม่มีวันแก่ลงอีกแล้ว อดาไลน์ใช้ชีวิตด้วยวัย 29 ปีเป็นระยะเวลายาวนานถึง 8 ทศวรรษ เธอต้องเผชิญหน้ากับความเงียบเหงา ความโดดเดี่ยว และ การจากลาคนเธอเธอรักไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่หน และ ในขณะเดียวกันเธอก็ไม่กล้าเปิดใจกับใครเพราะกลัวว่าความลับที่ไม่น่าเปิดเผยนี้จะเป็นที่ล่วงรู้ ดูหนัง
แต่แล้ววันหนึ่งเธอกลับมีโอกาสได้พบกับชายหนุ่มใจงามนาม เอลลิส โจนส์ (มิคิเอล ฮิวส์แมน) ผู้ที่ทำให้เธอกล้าที่จะมีชีวิต และ อยากจะรักใครอีกครั้ง อย่างไรก็ดี ในสุดสัปดาห์หนึ่งกับครอบครัวของเอลลิส กลับมีเหตุให้เธอต้องเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับตัวเธอ และ การตัดสินใจครั้งนี้จะเปลี่ยนชีวิตของเธอไปตลอดกาล
ด้วยตัวบทหนังเรื่องนี้ ผมว่ามันมีความน่าสนใจในตัวของมันเองอยู่แล้ว หนังเล่น กับ เรื่องของความรักที่มีข้อจำกัดของผู้หญิงคนหนึ่ง ในรูปแบบของความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นกับตัว Adaline เอง ซึ่งถ้าหนังที่มีบทดี แต่เล่าเรื่องไม่ดี ก็คงไม่ทำให้หนังสนุกขึ้นมาได้ แต่ กับ เรื่องนี้ หนังมีเทคนิค
การเล่าเรื่องที่ทำให้หนังไม่น่าเบื่อ หนังเล่าเรื่องแบบไม่ได้เรียงตาม Timeline ของเรื่องแบบตรงๆ แต่หนังเลือกที่จะเล่าแบบตัดสลับระหว่าง เรื่องราวหลายๆ ช่วงเวลาเพื่อให้ความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้น แถมหนังยังสามารถขยี้ประเด็นความรักของ Adaline ให้มันลึกลงไปถึงอารมณ์คนดูได้อย่างยอดเยี่ยมอีกต่างหาก ดูหนังออนไลน์
แต่บนความยอดเยี่ยมของการเล่าเรื่อง หนังกลับยังเหมือนเล่นประเด็นที่ปูมาอย่างสวยหรูไม่สุดทาง หนังเน้นประเด็นความไม่แก่ไม่ตาย และ ความรักที่กลัวการเปลี่ยนแปลงของ Adaline ในแต่ละยุค แต่หนังกลับไปลงรายละเอียดในประเด็นนี้มากนัก หนังไปเล่นถึงความรักกุ๊กกิ๊กของ Adaline และ Ellis มากกว่า ซึ่งมันไม่น่าสนใจเท่า กับ ประเด็นที่เป็นประเด็นหลักของหนังที่หนังอุตส่าห์ไปหาทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์มาสนับสนุน (แต่ไม่รู้มั่วรึเปล่า) ซึ่งถ้าไปเล่นตรงนั้นให้หนัก หนังน่าจะมีอะไรที่ประทับใจคนดูมากกว่านี้อีกเยอะ
จุดแข็งที่สุดของหนังเรื่องนี้ ผมยกให้ความสวยงามของงานภาพครับ หนังดูสวย ดูหรูตลอดทั้งเรื่อง และ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากแต่ละฉากที่แสดงความสวยสง่าของ Aladline หนังทำออกมาได้ดีมากๆ ซึ่งฉากต่างๆ เหล่านั้นผลักดันความสวยเด่นของ Blake Lively ออกมาได้อย่างถึงจุดสุดยอด เชื่อว่าใครที่ดูเรื่องนี้แล้วต้องหลงรักเธอแน่ๆ แต่ข้อเสียอย่างนึงของนักแสดงคือตัวพระเอก ในความคิดผม Michiel Huisman ยังไม่
เข้า กับ Blake Lively เท่าไหร่ ถ้าให้เปรียบเทียบ เหมือน Ashton Kusher กับ Demi Moore มันเลยดูไม่ค่อยอิน กับ ความรักของสองคนนี้ ซึ่งหนังเล่นประเด็นของทั้งสองคนนานมากกว่าประเด็นอื่น แต่ กับ Anthony Ingruber ที่เล่นเป็น William หรือ Harrison Ford ตอนแก่ ผมกลับมองว่าเข้ากันได้ดีกว่าซะอีก
จริงๆ รวมๆ แล้ว ผมชอบนะครับ กับ การเล่าเรื่องที่ดีของหนังเรื่องนี้ ก็มีแค่บางอย่างที่อาจจะทำให้มันดูขัดๆ ไปนิด แต่ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นข้อไม่ดีของหนัง หนังยังคงเดินไปได้อย่างสวยงามจนจบ พอดูจบก็อิ่มๆ กับ ความรักของ Adaline ดูหนัง 4k
ตัวหนังมีส่วนผสมที่ถูกเขย่ารวมกันของความเป็นหนังดราม่า, โรแมนติก และ ไซไฟ โดยเน้นหนักไปที่สองอย่างแรกเสียมากกว่า หากพยายามที่อธิบายเหตุเกือบจะมหัศจรรย์นี้ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ เรื่องราวที่ดูเป็นโศกนาฏกรรมของความรักเสียมากกว่าจะเป็นอารมณ์โรแมนติกละมุน เมื่อคนๆ หนึ่งอยู่มานาน และ แปลกประหลาดกว่าใครอื่นบนโลก ต้องทิ้งความรักที่กำลังจะผลิดอกออกผลไว้เพียงตรงนั้น ปล่อยให้มันเหี่ยวเฉากลายเป็นซากที่ยังประทับอยู่ในความทรงจำ
‘อดาไลน์ หยุดเวลา รอปาฏิหาริย์รัก’ นำเสนอสิ่งเหล่านั้นครับ เนื้อหาดูเพ้อฝันกันไปพอสมควร เพราะมันไม่ได้ตั้งอยู่บนความเป็นจริงเท่าใดนัก หากแต่ความเป็นหนังโรแมนติกก็ทำให้มันโอเคที่จะแต่งเติมอะไรที่มันดูเหลือเชื่อเข้าไปได้เสมอ หนังเหมือนจะตั้งคำถามอยู่กลายๆ ว่า การอยู่
บนโลกนี้นานๆ มันคือความสุขของมนุษย์จริงหรือ เมื่อเราพบว่า เราเป็นคนเดียวที่ได้รับสิทธิในการใช้ชีวิตบนโลกนี้ยาวนานกว่าคนอื่น แต่เรากลับรู้สึกว่าเราไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างใครๆ เขา ทุกวันเราต้องต่อสู้ดิ้นรนด้วยการ “หนี” ไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่าเราแปลกประหลาดในสายตาคนอื่น จะผูกพัน กับ ใครก็ไม่ได้ เพราะวันหนึ่งเขาก็แก่ตัวลงไป แต่เธอยังคงเหมือนเดิม ดูหนังออนไลน์ 4k
เชื่อว่าหลายต่อหลายคนมีความคิดที่ว่า “ความสาว และ สวย” จะได้มาซึ่งทุกสิ่งที่ตนปรารถนา แน่นอนว่ามันมีข้อดีในตัวมันเอง แต่คงไม่มีสิ่งใดในโลกเช่นกันที่จะปราศจากข้อเสียในตัวเอง เช่นเดียว กับ เรื่องราวของ อดาไลน์ โบว์แมน (เบลค ไลฟ์ลีย์) หญิงสาวที่อายุของเธอหยุดอยู่ที่ 29 ปีไปตลอดกาลหลังประสบอุบัติเหตุร้ายแรง ถึงจะรอดชีวิต แต่กลับต้องแลกด้วยความโดดเดี่ยวในหัวใจเพื่อปกปิดความลับของเธอ จนกระทั่งได้พบ กับ เอลลิส (มิเคียล ฮิวส์แมน) ความรักครั้งใหม่ที่จะทำ ให้เธอยอมก้าวข้ามกำแพงเพื่อพบเจอ กับ รักแท้อีกครั้ง
ชีวิตของอดาไลน์ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ในช่วงเวลาที่เธอเลือกจะสละชีวิตโสด และ จูงมือคนรักเข้าประตูวิวาห์นั้นชีวิตของเธอก็ได้พบ กับ จุดพลิกผันครั้งใหญ่ เมื่อเธอตั้งท้อง และ มีลูกสาว ทว่าเธอกลับต้องกลายเป็นแม่ม่ายแบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อสามีคนแรกของเธอได้จากไปตลอดกาล ภาระในการดูแลลูกสาวจึงตกอยู่ กับ เธอ
ทว่าหลังจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันทำให้อดาไลน์คงความสาวที่อายุ 29 ปีจนวันหนึ่งลูกสาวของเธอก็เติบโตขึ้นมาและ มีสภาพภายนอกไม่ต่างอะไรจาก “เพื่อน” ของอดาไลน์ และ ด้วยเหตุนี้นี่เองที่ทำให้ “ครอบครัว” ของเธอเป็นอันต้องแยกจากลูกสาวของตนเพราะเกรงว่าคนอื่นจะสงสัยในความ “สาว” ของอดาไลน์นั่นเอง
หนังใช้วิธีการเล่าเรื่องราวในปัจจุบันสลับ กับ ห้วงคำนึงของอดาไลน์ยามที่เธอเดินผ่านรูปภาพ, สถานที่ หรือห้วงคำนึงยามที่เธอนึกถึงอดีต อันเป็นเหตุผลสำคัญที่ตัวนางเอกเลือกที่จะไม่ “ถ่ายรูป” เพราะความทรงจำของเธอนั้นกินเวลายาวนานเกินไป เกินกว่าจะเก็บความสุขที่เธอรู้ว่าสุดท้ายมันก็จะผ่านพ้นไป และ กลายเป็นอดีต เพราะชีวิตเธอมีแต่ “อนาคต” ที่ดูจะไม่จบสิ้นเสียที รีวิวหนัง
อย่างไรก็ตามจุดพลิกผันของเรื่องคือการที่อดาไลน์ได้ค้นพบว่าวิลเลี่ยม โจนส์(แฮริสัน ฟอร์ด) พ่อของเอลลิสนั้น คือคนรักเก่าของเธอในอดีต เขาเป็นรักที่เธอไม่อาจจะลืมได้ การปกปิดสถานะของเธอเองด้วยการอ้างว่าอดาไลน์นั้นเป็นแม่ของเธอที่เสียชีวิตไปแล้ว ไม่สามารถตบตาเขาได้นานนัก และ เมื่อความจริงเปิดเผยออกมาอดาไลน์ก็เลือกทางออกด้วยการ “วิ่งหนี” ความจริงอีกครั้ง