รีวิว Midnight My Love (2005) เฉิ่ม

สำหรับในการประกาศรางวัลสุพรรณหงส์ครั้งที่ 29 เมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา มีภาพยนตร์วัยรุ่นไทยน้ำดีเรื่องหนึ่งที่คว้ารางวัลสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและอื่นๆ รวม 6 รางวัล ภาพยนตร์เรื่องนี้มีชื่อว่า “Where We Belong” ซึ่งเป็นผลงานล่าสุดของผู้กำกับ ดูหนังฟรี

 

ชั้นครูอย่าง คงเดช จาตุรันต์รัศมี หนังพูดถึงเรื่องราวของเพื่อนซี้สาวที่มีความฝันสูงสุดคือการออกจากประเทศนี้ หากจะพูดถึงตัวผู้กำกับอย่าง คงเดช แล้วล่ะก็ หนังของเขาล้วนแล้วแต่เป็นผลงานที่สะท้อนสังคมได้เป็นอย่างดี สำหรับวันนี้ผมจะหยิบยกหนังเรื่องหนึ่งของเขา จากการที่ได้ หนังเล่าถึงเรื่องราวชีวิตของคนชายขอบ 2 คนที่โคจรมาเจอกันในเมืองใหญ่ ในยุคที่กำลังปรับเปลี่ยนเข้าสู่โลกทุนนิยมและถูกยึดครองด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย หนังเรื่องนี้ตั้งชื่อหนังอย่างเรียบง่ายว่า “เฉิ่ม”

 

รีวิว Midnight My Love (2005) เฉิ่ม

 

เฉิ่ม หรือ Midnight My Love เป็นภาพยนตร์ไทยแนว โรแมนติก Romance ที่เข้าฉายเมื่อปี 2548 เป็นผลงานกำกับเรื่องที่ 2 ของ คงเดช จาตุรันต์รัศมี ผลงานแรกของเขาคือ สยิว ที่ทั้งเขียนบทและกำกับ เขาเป็นที่รู้จักในฐานะนักเขียนบทมือทอง ที่เคยมี

 

ผลงานดังๆ อย่าง เดอะเล็ตเตอร์ จดหมายรัก, ต้มยำกุ้ง, หนูหิ่น เดอะ มูฟวี่, Happy Birthday เป็นต้น ส่วนผลงานที่ทำให้เขาเป็นที่ชื่นชอบและจดจำในหมู่คนรุ่นใหม่ในยุคนี้ก็จะเป็นการกำกับเรื่อง ตั้งวง ในปี 2556 , Snap แค่ได้คิดถึง ในปี 2558 และผลงานล่าสุดอย่าง Where We Belong ในปี 2562 ที่ไปไกลถึงขั้นคว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดในเวทีสุพรรณหงส์ครั้งที่ 29 ในส่วนของ เฉิ่ม เรียกได้ว่าเป็นกระแสในยุคนั้นตั้งแต่ประกาศสร้างหนังเพราะสามารถนำ 2 ซูเปอร์สตาร์ของวงการละครและ

 

รีวิว Midnight My Love (2005) เฉิ่ม

 

วงการตลกมาแสดงร่วมกันในภาพยนตร์แนวดราม่า อย่าง นุ่น วรนุช วงษ์สวรรค์ ที่รับบทเป็น นวล หญิงขายบริการ และ หม่ำ จ๊กมก หรือ เพ็ชรทาย วงศ์คำเหลา รับบทเป็น หนุ่มขับแท็กซี่ ร่วมไปพิสูจน์ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในหนังโรแมนติก ดราม่าเรื่องนี้กันเลย

 

เรื่องราวความรักและความผูกพันของ สมบัติ ดีพร้อม คนขับรถแท็กซี่กะดึก ผู้มีบุคลิกเฉิ่มๆ เหมือนกับชื่อภาพยนตร์ ชอบฟังเพลงสุนทราภรณ์ทางวิทยุเอเอ็มรายการคุณอาธำมรงค์ ชอบเขียนจดหมายเข้าไปในรายการวิทยุ ชอบกินต้มเลือดหมูร้านเดิม

 

รีวิว Midnight My Love (2005) เฉิ่ม

 

ๆ เหมือนกันทุกวัน คนขับแท็กซี่ที่มีอดีตที่ขมขื่น กับ นวล(วรนุช วงษ์สวรรค์) สาวบริการในอาบอบนวด หนังเริ่มต้นด้วยการให้เห็นกิจวัตรประจำวันของหนุ่มแท็กซี่ขี้เหงานาม สมบัติ ดีพร้อม ในฉากหลังเมืองกรุงเทพฯ ยามค่ำคืน เขาชื่นชอบการฟังเพลง

 

สุทราภรณ์ทางวิทยุเอเอ็มในรายการคุณอาธำมรงค์ ผู้ที่มักจะอ่านจดหมายแฟนรายการออกอากาศทุกค่ำคืน สมบัติใช้เสียงอันไพเราะของคุณอาธำรงค์ในการหนีออกจากโลกแห่งความจริง ราวกับหลุดไปอยู่ในโลกแห่งภาพยนตร์น้ำเน่าย้อนยุค ก่อนเลิกงานในช่วงเช้าตรู่ สมบัติมักจะไปนั่งกินข้าวต้มกุ๊ยที่ร้านประจำทุกๆ คืน ที่จอดรถประจำของเขาคือหน้าสถานบันเทิงอาบอบนวดแห่งหนึ่ง ลูกค้าในแต่ละคืนของเขาส่วนใหญ่มักจะเป็นชายหนุ่มผู้มาใช้บริการสาวนวดหรือหญิงบริการที่ทำงานอยู่ที่นั่น

เนื้อเรื่องหนัง รีวิว Midnight My Love (2005) เฉิ่ม

 

 

กระทั่งวันหนึ่งมีแก๊งสาวบริการมาขึ้นแท็กซี่ของเขาเพื่อให้ไปส่งที่ผับแถวห้วยขวาง นั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้เขาได้พบกับ นวล หญิงขายบริการเบอร์ตองผู้น้อยเนื้อต่ำใจกับชะชีวิตของเธอจนสังเกตได้ผ่านสีหน้า เธอพูดกับสมบัติว่า เพลงที่เขาฟังนั้นเชยมากแต่ก็ไพเราะไปอีกแบบ ในคืนหนึ่ง นวล เหนื่อยหน่ายอาชีพที่เธอทำ เธอขึ้นรถแท็กซี่ของสมบัติและขอให้เขาอยู่เป็นเพื่อนตลอดคืนนั้น จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ดูหนังใหม่

 

อย่างที่เกริ่นไปก่อนหน้าว่าหนังเรื่องนี้เล่าถึงความสัมพันธ์ของคนชายขอบ ทั้งคู่ต่างพบเจอกับปัญหาชีวิตที่สังคมต่างกดทับพวกเขาให้ไม่มีทางเลือกในชีวิตมากนัก สมบัติ ผู้เคยติดคุกซึ่งมีไม่กี่อาชีพที่เขาจะทำได้ในสังคมนี้ ยิ่งเขาพยายามเป็นคนดีมาก

 

 

เท่าไรก็ยิ่งถูกสังคมเอารัดเอาเปรียบมากเท่านั้น เช่นเดียวกัน นวล เธอเป็นหญิงสาวผู้มีความฝันแต่ไม่มีโอกาส เธอมีภาระทางบ้านจึงเลือกอาชีพที่ต้องได้เงินง่ายและเร็ว โชคชะตาของทั้งคู่จึงทำให้เกิดเคมีบางอย่างที่คลิกกันและเข้าใจซึ่งกันและกันเพียงแค่มองหน้า

นักแสดงหนังเรื่องนี้ คือ หม่ำ จ๊กม๊ก รีวิว Midnight My Love (2005) เฉิ่ม

“บัติ” (หม่ำ จ๊กม๊ก) โชเฟอร์ขับแท็กซี่กะดึก ผู้มีรสนิยมเฉพาะตัวชอบฟังแต่วิทยุช่อง AM ที่มีละครวิทยุและเพลงเก่า ใส่น้ำมันใส่ผมเรียบแปล้ ชอบอมโบตัน และกินต้มเลือดหมูเจ้าประจำทุกคืน บัติเหมือนมนุษย์ที่หลุด พ.ศ. ยืนยิ้มแปล้ท้าทายโลกปัจจุบันที่หมุนไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจ เพราะโลก AM ทำให้เขาหลุดไปอยู่ในโลกแห่งความหวังที่สวยงาม โลกที่ทำดีได้ดี โลกที่ไม่ต้องสนใจยุคสมัย แม้ใครจะมองว่าเขา “เฉิ่ม”จนกระทั่งวันที่บัติได้พบและตกหลุมรัก “นวล” (วรนุช วงษ์สรรค์) หญิงสาวที่มีอาชีพหมอนวด ชายที่หมกมุ่นอยู่แต่ในโลกแห่งความฝันกับหญิงสาวที่เอาแต่ก้มหน้ายอมรับชีวิตจริงจึงเป็นเสมือนสิ่งที่เติมเต็มให้แก่กัน รีวิวหนัง

 

ความผูกพันของทั้งสองที่ก่อตัวขึ้นมาพร้อมกับบททดสอบของชีวิต ความปรารถนาดีและโลกแห่งความฝันของบัติก็ถูกโลกแห่งความจริงสั่นคลอนจนทั้งคู่ต้องพรากจากกัน สุดท้ายปลายทางของทั้งสองจะลงเอยอย่างไร…จากผลงานการกำกับของ “คงเดช จาตุรันต์รัศมี” ผู้เขียนบท-ร่วมกำกับ “สยิว” (2546) และเขียนบท “The Letter จดหมายรัก” (2547) กับการเผชิญหน้าของสองซูเปอร์สตาร์ชื่อดังแห่งเมืองไทยอย่างเจ้าพ่อตลกตลอดกาล “หม่ำ จ๊กม๊ก” กับการประกาศกล้ารับบทรัก

 

 

โรแมนติกอิ่มเอมใจเป็นครั้งแรก ปะทะสุดยอดนักแสดงหญิงชื่อดังจากวิกหมอชิต “นุ่น-วรนุช วงษ์สวรรค์” กับบทหมอนวดสาวครั้งแรกในชีวิตการแสดง ในเรื่องราวของหนุ่มแท็กซี่ผู้ปิดตัวอยู่กับโลกแห่งความฝันและความสวยงามของวิทยุ AM และสาวโรงนวดที่อยู่ในโลกของแสงสีและความเป็นจริงอย่างเดียวดาย เส้นขนานของ 2 โลกที่ต่างกันสุดทาง กลับมาบรรจบกันลงตัวแบบไม่น่าเชื่อ

 

กลางปี พ.ศ.2546 ระหว่างที่ “คงเดช จาตุรันต์รัศมี” ต้องขับรถกลับจากต่างจังหวัดเข้ากรุงเทพฯ ทุกวัน มีอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง เขาบังเอิญเปิดวิทยุฟังเพลงจากสถานี AM และสะดุดเข้ากับเพลงไทยเก่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลง “ปองใจรัก” ของ “สุนทรา

 

 

ภรณ์” หลังจากนั้นคงเดชเกิดอาการติดอยู่ในห้วงของการหวนระลึกอดีต โลกของวิทยุ AM ที่เคยฟังในอดีตเมื่อหลายปีก่อนถูกรื้อฟื้นกลับมาในความทรงจำและความรู้สึกอีกครั้ง ที่สำคัญคือมันไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยจากเมื่อ 20 กว่าปีก่อนที่เขาเคยฟัง

 

จนถึงทุกวันนี้ คงเดชรู้สึกว่าโลกของ AM ถูกฟรีซไว้ ณ ห้วงเวลานั้น มันไม่เคยเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างยังคงเดิม ทั้งสปอตวิทยุ ละครวิทยุ เสียงประกอบที่ใช้ในละคร รวมไปถึงเนื้อหาและเรื่องราวที่ล้วนทำให้โลกในคืนวันอันแสนงามจากอดีตผุดขึ้นมาใน

 

 

ความทรงจำอีกครั้ง โลกที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นโลกในอุดมคติ จากนั้นเรื่องราวเกี่ยวกับโลกของ AM ได้นำแรงบันดาลใจมาสู่เขาต่อยอดออกมาเป็นเรื่องราวของคนขับแท็กซี่ที่หลงใหลในวิทยุ AM และหลงรักหมอนวดสาวที่เขาเพียรรับส่งทุกค่ำคืน ผู้กำกับคงเดชตั้งคำถามกับภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้ว่า “ถ้าหากว่าเราค้นพบสิ่งที่เรารักแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ที่เราจะหยุดเวลาและหัวใจไว้ที่นั่น”

 

ด้วยความที่เป็นเจ้าโปรเจกต์และเขียนบทหนังออกมาได้อย่างรวดเร็ว เวลานั้นคงเดชมีหนังที่เขาอยากทำอยู่ 2-3 เรื่อง แต่เมื่อเขาส่งโปรเจกต์ผ่านไปยังโปรดิวเซอร์ ทางทีมโปรดิวเซอร์อันได้แก่ “ปรัชญา ปิ่นแก้ว, สุกัญญา วงศ์สถาปัตย์, ศิวาภรณ์ พงษ์สุวรรณ” เห็นพ้องต้องกันว่าเรื่องที่น่าจะทำมากที่สุดในเวลานี้คือ “เฉิ่ม” โดยดูจากความน่าสนใจของเรื่องราวและการคัดเลือกนักแสดงนำซึ่งคือ “หม่ำ จ๊กมก” และ “วรนุช วงษ์สวรรค์” ซึ่งทั้งสองต่างเป็นซูเปอร์สตาร์ของไทย

 

อีกทั้งเนื้องานในหนังเรื่องนี้ เป็นแนวทางที่ทั้งคู่ไม่เคยทำมาก่อน หม่ำต้องพลิกบทบาทจากตลกหน้าตายมาสวมบทชีวิตคนขับแท็กซี่ที่มีโลกส่วนตัว แถมยังต้องมีฉากจูบอีกต่างหาก ส่วนนุ่น วรนุชนางเอกระดับแนวหน้าของวงการละครกับงานภาพยนตร์

 

 

เรื่องแรกในชีวิตแถมยังต้องรับบทหมอนวดสาว ระหว่างที่รอความคืบหน้าของโปรเจกต์ โดยที่คงเดชปรับปรุงบทภาพยนตร์ไปด้วยนั้น ทางศิวาภรณ์ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมโปรดิวเซอร์ได้รับการติดต่อจากผู้ประสานงานฝ่ายวัฒนธรรมของสถานทูตฝรั่งเศสว่า

 

น่าจะส่งโปรเจกต์ที่มีอยู่เพื่อเข้าร่วมสัมมนา A Seminar for Young Producer (Produire au Sud) ใน “เทศกาลภาพยนตร์เมืองนองต์ ประเทศฝรั่งเศส” ซึ่งจัดขึ้นเมื่อปลายปี 2003 ปรากฏว่าโปรเจกต์ภาพยนตร์เรื่อง “เฉิ่ม” หรือ “Midnight My Love“ ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมสัมมนาซึ่งเป็น 1 ใน 7 โปรเจกต์จาก 3 ทวีปคือ เอเชีย, แอฟริกา และ อเมริกาใต้

 

ในส่วนของทีมงานหลักของภาพยนตร์ คงเดชยังคงได้ร่วมงานกับทีมงานเดิม อาทิ ผ็กำกับภาพ “สยมภู มุกดีพร้อม” (สุดเสน่หา, แจ๋ว ฯลฯ) ซึ่งเคยร่วมงานกันมาตั้งแต่เรื่อง “สยิว” (2546), ผู้กำกับศิลป์ “ศิระ ตาลทอง” (สยิว, คน ผี ปีศาจ) ซึ่งเหมาะกับงาน

 

กำกับศิลป์แบบเหมือนจริง รวมทั้งคนตัดต่อ “ลี ชาตะเมธีกุล” ซึ่งเป็นคนตัดต่อรุ่นใหม่ที่ฝากผลงานไว้กับภาพยนตร์ชั้นนำมากมาย (สัตว์ประหลาด, สุดเสน่หา, สยิว, คืนไร้เงา, ชัตเตอร์ กดติดตาย) และที่น่าสนใจอีกส่วนหนึ่งคือ ทีมงานออกแบบเสียงซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้มีการ “เล่น” กับเสียงมาก ซึ่งทางผู้กำกับคงเดชประทับใจและสนุกกับทีมออกแบบเสียง “อุโฆษสตูดิโอ” เป็นอย่างมาก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *