รีวิว her

ในยุคที่เทคโนโลยี การสื่อสารพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว การพบปะ พูดคุยกับผู้คน ไม่จำเป็นต้องพบเจอกันตัวเป็น ๆ จึงทำให้ไม่แปลกใจเลยใช่ไหมล่ะคะ? ว่าคนเราจะหันมา จดจ่อกับสมาร์ทโฟน รวมไปถึงสื่อ ไอที อื่น ๆ มากยิ่งขึ้น มัวแต่ก้มหน้าจดจ่อ อยู่กับจอสี่เหลี่ยมมากกว่า ารเงยหน้าขึ้นมาทักทาย ผู้คนที่เดินสวนกันไปมา แม้บางครั้งเราอาจจะ มองว่ามันบ้าสิ้นดีเลย แต่ก็ปฏิเสธ ไม่ได้ว่าหลายคน ก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน และ ดูเหมือนจะแก้ยากซะด้วยสิ ดังนั้นแล้วในวันนี้ ก็เลยอยากจะนำภาพยนตร์น้ำดีเรื่อง Her ( รักดังฟังชัด ) ซึ่งฉายไปแล้วเมื่อปี 2103 ผลงานจากค่าย Annapurna Pictures ที่ได้นักแสดงนำอย่าง วาคีน ฟินิกซ์ ถ่ายทอดผลงาน  ดังนั้น Baowiw อยากจะมารีวิวให้ทุกคนได้ไปชมกันค่ะ ซึ่งตอนแรกเองก็คิดว่าคงเป็นหนังติสท์ทั่ว ๆ ไป แต่กลับกลายเป็นว่าแฝง ข้อคิดไว้เยอะทีเดียวค่ะ และเชื่อว่าคงจะเหมาะกับคนเหงาได้เป็นอย่างดีเลยนะ ดูหนังออนไลน์ ดูหนังฟรี

ความสัมพันธ์ที่ดีอาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับ ความรัก หรือ เสน่หา ผ่านการสร้างความรู้สึกที่ดีต่อกัน และ กัน บางทีอาจจะเป็นเรื่องง่ายๆ แค่คนที่ชอบฟังเพลงแนวเดียวกัน ชอบนอนดูหนัง อยู่บ้านเหมือนกัน แม้กระทั้งสามารถเข้าใจ และ หัวเราะในเรื่องเดียวกันได้อย่างสนิทใจเพียงเท่านั้น รีวิวหนังรักด ราม่า

        ความสบายใจเช่นนี้ ทำให้ธีโอดอร์เริ่มฝักใฝ่ในความสัมพันธ์กับซาแมนธา ปัญญาประดิษฐ์ที่วิเคราะห์ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน จนทำให้เธอสามารถพูดคุยและบอกเล่าเรื่องราวได้สนุกปาก และ ถูกคอกับธีโอดอร์ ได้มากกว่าสิ่งที่มนุษยปกติจะให้เขาได้

        แม้ธีโอดอร์จะรู้อยู่เต็มอกว่าเธอไม่มีตัวตนในโลกของเขา แต่อย่างน้อยซาแมนธาก็คือความหวังเดียวที่จะพาเขาผ่านพ้นค่ำคืนอันเปลี่ยวเหงาต่อไปได้ในแต่ละคืนวัน

Her ( รักดังฟังชัด ) เป็นเรื่องราวของ ธีโอดอร์  ผู้ชายขี้เหงา นิสัยโลกส่วนตัวสูง ที่กำลังมีปัญหาชีวิตคู่  นั่นก็คือกำลังจะหย่าร้างกับภรรยา เขาทำงานที่หลายคนมองว่าน่าเบื่อนั่นก็คือการเขียนจดหมาย ส่งทางอีเมล์ให้กับผู้คน มากมาย แต่แล้วชีวิตที่แสนจำเจ ของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปค่ะ เมื่อเจ้าตัวตัดสินใจซื้อระบบ OS1 ซึ่งเป็นระบบอัจฉริยะ ที่สามารถโต้ตอบกันได้ด้วยเสียง ทำให้เขาได้รู้จักกับ ซาแมนธา ระบบปฏิบัติการ ที่มีเสียงไพเราะ และ เข้าขากับ ธีโอดอร์ ได้เป็นอย่างดีเลย ทำให้เขาตัดสินใจ หย่าขาดจากภรรยา หลังจากนั้นในทุก ๆ วันของ ธีโอดอร์ เริ่มสดใสขึ้น ไม่ว่าจะเจอเรื่องดีหรือร้าย เขาก็มักจะนำมาเล่าสู่กันฟังให้ซาแมนธาได้ฟังและคุยกันอยู่เสมอเลย แต่ดูเหมือนว่า ซาแมนธา จะถูกอัพเดตระบบจนทำให้เธอพัฒนาไปไกลกว่าเดิม ซาแมนธา เริ่มมีความรู้สึกเหมือนคนและอยากจะไปพูดคุยกับคนใหม่ ๆ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างธีโอดอร์และซาแมนธาเริ่มห่างเหินมากขึ้นทุกที

        ไอเดียแรกเริ่มของ Her คือสิ่งที่อยู่ในหัวสมองของ สไปก์ จอนซ์ มานานนับ 10 ปีแล้ว ตอนนั้นเขาบังเอิญได้พูดคุยกับเว็บไซต์ออนไลน์หนึ่งที่สามารถโต้ตอบผู้ใช้งานได้ราวกับเป็นอีกบุคคลที่สนทนาอยู่อีกฝั่ง

        “ แรงบันดาลใจของผม เริ่มต้นขึ้นจากการ ที่ได้อ่านบทความเมื่อ 10 ปีก่อน เกี่ยวกับระบบโต้ตอบ ข้อความกับคอมพิวเตอร์ ผมได้ทดลองพิมพ์ไปว่า สวัสดี มันตอบกลับมาว่า สวัสดี สบายดีไหม ข้อความโต้ตอบเหล่านี้ ทำให้ผมรู้สึกประหลาดใจ ผมคุยกับมัน และมันตั้งใจฟังในสิ่งที่ผมพูด ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วมันเป็นเพียงแค่ โปรแกรมหนึ่งเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามมันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นจริงๆ หลังจากนั้นมันทำให้ผมได้แนวคิด เกี่ยวกับผู้ชายคนหนึ่งที่มีความสัมพันธ์ กับคอมพิวเตอร์ ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกนึกคิด ซึ่งผมได้พัฒนาให้กลายเป็นภาพยนตร์รักเรื่องนี้ ”

        ชื่อของภาพหญิงผมบลอนด์สลวย ยืนหันหลังกลางแดดอุ่นที่มีฉากหลังเหมือนต้นฤดูหนาว ซึ่งเป็นฝีมือของ ทอดด์ ฮิโด ที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับซาแมนธา โดยจอนซ์เคยอธิบายเกี่ยวกับรูปนี้เอาไว้ว่ามันคือ ‘ความงามอันลึกลับและความทรงจำ’

        ในตอนที่จอนซ์เริ่มเขียนไอเดียช่วงแรกของหนังเรื่องนี้ เขามักจะติดเศษกระดาษโพสต์อิตสีเหลืองเล็กๆ บนกรอบรูปอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกครั้งที่มีไอเดียใหม่ๆ เกิดขึ้น ในช่วงเวลาที่เขาตัดสินใจเลือกบางอย่างสำหรับหนัง รวมไปถึงช่วงเวลาที่ต้องเลือกตัวหนังสือเล็กๆ ด้วยปากกาเมจิกสีดำที่เขียนว่า ‘her’ จนกลายมาเป็นชื่อหนังของเรื่องนี้ในเวลาต่อมา

        “ผมมักจะมีคำจัดกัดความหนึ่งคำเพื่ออธิบายเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องที่ผมทำงานอยู สำหรับเรื่องนี้มันคือ ‘สีแดง’ เราใช้สีแดงเยอะมากในโปรเจ็กต์นี้” เพราะสำหรับจอนซ์แล้วการสร้างโลกอนาคตอันรุ่งโรจน์ของสังคมมนุษย์ เขาเชื่อว่าการหมุนกลับของวัฒนธรรมและศิลปะต่างๆ จะถูกนำมาใช้ใหม่

        ดังนั้น ในปัจจุบันที่มนุษย์โลกนิยมความเรียบง่ายผ่านสีขาว ดำ เทา ในโลกอนาคตพวกเขาจะเริ่มหาความฉูดฉาดของเฉดสี ก่อนที่เขาจะอธิบายต่อว่าที่ความฉูดฉาดต้องเป็นสีแดงก็เพราะ “สีแดงเป็นสีที่เต็มไปด้วยความรู้สึก มันเป็นสีแห่งความปรารถนา มันสื่อสารอย่างมีพลังแต่ก็เป็นมิตร”

         เป็นภาพยนตร์ ที่จะต้องถูกใจคนเหงา กันอย่างแน่นอนเลย รู้สึกหน่วง อย่างบอกไม่ถูก เมื่อได้ชมแล้วก็รู้สึกได้เลยว่าความเหงา ก็ทำให้ชีวิตของเราเหี่ยวเฉา ได้เหมือนกัน หากไม่หางานอดิเรกหรือทำอะไรสักอย่าง ก็คงใช้ชีวิตไปวัน ๆ ไร้จุดหมาย และ ก็เป็นเพราะยุคนี้ที่ใครก็สามารถหา เพื่อนคุยได้เพียงแค่ปลายนิ้ว ทำให้คนเราสามารถพูดคุยกันได้ แม้จะไม่เคยเห็นหน้ากันจริง ๆ ก็ตาม เช่นเดียวกันกับ ธีโอดอร์ แม้ว่ามันจะทำให้เขามีความสุขมาก ที่ได้คุยกับ ซาแมนธา ในทุก ๆ วัน แต่ก็ต้องเตรียมใจไว้ด้วยว่าเมื่อฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งต้องการพัฒนาความสัมพันธ์ แต่มันไม่มีโอกาสที่จะเป็นไปได้ วันหนึ่งอาจจะต้องมี ใครสักคนจากไป เพื่อหาสิ่งที่ดีกว่าให้กับตัวเอง

จะว่าไปแล้วก็คงเปรียบเทียบได้กับความรักในยุคนี้ที่สามารถหาได้จากอินเตอร์เน็ตแลโซเชี่ยล ใครจะไปคิดล่ะว่าในวันหนึ่งคนเราจะสามารถมารู้จักกันและพูดคุยด้วยกันได้ แม้ไม่เคยเห็นหน้ากันจริง ๆ และได้รักกันในที่สุด ซึ่งบางคู่ก็สมหวัง แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ต้องผิดหวัง ซึ่งอาจเป็นเพราะไปต่อไม่ได้ หรือรู้สึกว่ามันไม่ใช่

จะว่าไปแล้วบางความสัมพันธ์ มันก็ยากเกินที่จะเข้าใจ กลายเป็นเส้นขนานที่ไปด้วยกันได้ แต่ไม่สามารถมาบรรจบคู่กันได้ เหลือไว้เพียงแค่ความทรงจำดี ๆ ที่เคยเกิดขึ้นในครั้งหนึ่งเท่านั้น ทุกอย่างมีจุดเริ่มต้นและจุดจบเสมอเหมือนกับที่ ธีโอดอร์ ต้องเจอ

ด้วยบทบาทการแสดง ของตัวแสดงหลังอย่าง Joaquin Phoenix ชายหนุ่มนักเหงาที่พบรักครั้งใหม่กับระบบปฏิบัติการ กับเสียงแหบและเต็มไปด้วยเสน่ห์จาก Scarlett Johansson ซึ่งสร้างทั้งเคมีที่เข้ากันกับพระเอก และน้ำเสียงที่บ่งบอกความรู้สึกได้หลากหลายอย่าง นับว่า ผกก. เขาคิดถูกที่เลือกเอาเสียงของโจแฮนสันมาใช้ มันช่างเหมาะเจาะเหมาะสมเสียจริงๆ

ร่วมด้วย Amy Adams ที่สวมบทบาทเป็นเพื่อนสนิทของพระเอก เรื่องนี้ เธอดูสวยน่ารักมากกว่าเคยเห็นเสียอีก และยังร่วมด้วย Rooney Mara ที่สวมบทคนรักเก่าที่เลิกรากับพระเอกไป

หนังเรื่องนี้ อาจเหมาะกับคนขี้เหงา ผ่านพบความรักความผิดหวังมาบ้าง แต่วันนี้ไม่มีใคร อาจเฝ้าฝันถึงความรักที่แสนจะอุดมคติที่จะผ่านเข้ามา หญิงสวย เสียงเซ็กซี่ แสนจะเข้าใจในทุกอย่างที่ต้องการ แต่ความรักแบบนั้นจะมีได้จริงหรือ? และอะไรที่สิ่งที่เขาค้นพบจากรักครั้งนี้กัน?

ผู้กำกับภาพยนตร์: Spike Jonze

ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Spike Jonze

นักแสดงนำ: Joaquin Phoenix, Amy Adams, Scarlett Johansson, Rooney Mara, Kristen Wiig

แนว/ประเภท: Drama, Romance, Sci-Fi

ความยาว: 126 นาที

เรท: ไทย/, USA/R

วันเข้าฉายในประเทศไทย: 6 กุมภาพันธ์ 2557

ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Annapurna Pictures