รีวิว All the Bright Places
หนังโรแมนติกดราม่า ที่ไม่ตอบโจทย์คนชอบหนังหวานแหวว มีประเด็นโรคซึมเศร้าในคาแร็คเตอร์ตัวละคร ดำเนินเรื่องเรื่อยๆพล็อตไม่หวือหวา เป็นหนังรักในอีกเวอร์ชั่นที่ต้องย้ำอีกทีว่าไม่หวานถ้าดูแบบไม่คาดหวังอะไรเลยได้ก็จะดี All the Bright Places แสงแห่งหวังที่ทุกฝั่งฟ้า หลังจากสูญเสียพี่สาวไป สาวโลกส่วนตัวสูงอย่างไวโอเล็ต มาร์กีย์ (แอลล์ แฟนนิ่ง) ก็เจอความหมายในชีวิตอีกครั้งเมื่อได้พบกับหนุ่มแปลกอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ อย่างธีโอดอร์ ฟินช์ (จัสติส สมิธ) ภาพยนตร์ของ Netflix สร้างจากนิยายขายดีทั่วโลกชื่อเดียวกันจากปลายปากกาของ เจนนิเฟอร์ นิฟเวน ดูหนัง ดูหนังออนไลน์
ไวโอเล็ต หญิงสาวอมทุกข์ที่สูญเสียพี่สาวไปจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแบกความเศร้าเอาไว้บนบ่าและใบหน้า เปลี่ยนไปจากคนเดิมที่เคยเป็น จนได้มาเจอกับฟินช์ ชายหนุ่มที่โผล่เข้ามาในจังหวะที่ยากลำบากของชีวิตพอดี และฉุดเธอให้ผ่านพ้นจากความหม่นหมองในชีวิต ด้วยการพาไปท่องเที่ยวตามสถานที่สวยงามต่างๆ ในเมืองด้วยกัน โลกของเธอสดใสและมีความหมายมากขึ้น ในขณะเดียวกันโลกของฟินช์เองกลับมืดมนและอ้างว้างเกินกว่าที่ไวโอเล็ตจะเข้าใจ
เตรียมโบกมือลาเดือนแห่งความรักด้วยภาพยนต์โรแมนติกดราม่าอย่าง All The Bright Places ซึ่งก็ตามนั้นเลยว่าเป็นโรแมนติกดราม่าจริงๆ เป็นหนังรักที่ไม่ได้ให้ความรู้สึกกุ๊กกิ๊กดูแล้วบิดหมอนนะต้องทำความเข้าใจตรงนี้ก่อน (ถึงเห็นหน้าไวโอเล็ตแล้วโลกจะสดใสก็เถอะ) หนังเปิดมาด้วยตัวละครหลักที่ประสบความเจ็บปวดในชีวิต ไวโอเล็ตสูญเสียคนในครอบครัวที่เป็นทั้งพี่สาวและเพื่อนสนิท การแสดงออกถึงความเจ็บปวดของเธอคือการปิดกั้นตัวเองออกจากสังคม ปลีกตัวแยก
ออกมา ส่วน ฟินช์เองก็เคยสูญเสียคนสำคัญไปเช่นกัน แต่การตอบสนองต่อความเจ็บของฟินช์จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งแตกต่างจากไวโอเล็ต (ถึงทั้งคู่ดูรวมๆ เป็นการหนีปัญหาคล้ายๆ กัน) ฟินช์จะเก็บซ่อนเรื่องราวของเขาเอาไว้ปกปิดด้วยรอยยิ้มและท่าทางที่ดูว่าเขาไม่เป็นไร ซึ่งเราชอบตรงนี้นะ คนเราไม่จำเป็นต้องแสดงออกเวลาเศร้าเหมือนกัน (เป็นเรื่องที่จริงๆแล้วทุกคนรู้แต่บางทีอาจจะไม่ทันได้คิด) อะมาต่อ และมันก็เป็นหนังรักที่ (มักจะ) ต้องมีฝ่ายใดฝ่ายนึงชอบกัน ในเรื่องนี้ตก
เป็นของฝ่ายพระเอก ฟินช์ที่เจอไวโอเล็ตครั้งแรกตรงสะพาน ขอขยายความว่ามันไม่ใช่การเจอกับบนสะพาน แต่เป็นการเห็นไวโอเล็ตยืนอยู่บน ขอบสะพาน (สาวสวยผมบลอน์ตาเศร้า) พอฟินช์เดินเข้าไปปรากฏว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่บนนั้นคือ ไวโอเล็ต ซึ่งเกี่ยวข้องเป็นเพื่อนร่วมชั้นเดียวกับเขา และนั้นคือจุดเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้
หลังจากที่ฟินช์เจอไวโอเล็ตในสถานะการณ์แบบนั้น ฟินช์ก็ทำตัวเป็นพระเอก (…) ที่ทั้งดมกลิ่นหาและพยายามเยียวยาไวโอเล็ตจากความหม่นหมองที่ครอบคลุมเธออยู่ ประจวบเหมาะกับ อาจารย์วิชาภูมิศาสตร์ที่สั่งโปรเจ็กต์คู่ให้ไปค้นหาสถานที่ต่างๆ ของเมืองและเขียนถึงความงดงามของสถานที่ที่ไปมา ซึ่งก็เข้ากับสถานะการณ์ดี บางทีความเศร้าก็แก้ได้ด้วยการออกไปค้นหาสิ่งธรรมดาที่สวยงาม (แต่เราว่าหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้เหมาะกับคนเศร้าที่ดูแล้วจะหายเครียดนะ) รวมๆแล้วสำหรับตัวเราเองเรียกว่าเป็นหนังรักได้ไม่เต็มปากมันกึ่งๆ ให้ความรู้สึกเป็นเพื่อนที่เข้าใจกันมากกว่า
ตอนที่เราดูเรื่องนี้ฉากแรกๆ รู้สึกถึงความแปลกแยกของตัวละครหลักทั้งสองคนมากๆ (กับกลุ่มเพื่อน อาจารย์ ครอบครัว) และยังรู้สึกถึงความเข้าใจของฟินช์ที่มีต่อไวโอเล็ต เป็นอารมณ์แบบที่คนประสบปัญหาแบบเดียวกันสามารถมีความเข้าใจต่อกันได้ โดยไม่ต้องการคำอธิบาย เป็นความอบอุ่นแบบไม่มีบทพูด แล้วฟินช์ก็ยังมีความแปลกประหลาดที่ดูจริงใจจึงเป็นการเพิ่มความรู้สึกปลอดภัยให้กับไวโอเล็ตได้ไม่ยาก ซึ่งเราจะขอแบ่งหนังเรื่องนี้เป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือส่วนแรกที่ฉายให้เห็นถึงปัญหา
ของนางเอก เรื่องของความสูญเสียและได้รับการปลอบประโลมจากฟินช์ ส่วนหลังคือส่วนที่นางเอกเริ่มรับรู้ว่าจริงๆ แล้วคนที่เข้ามาช่วยเราเนี่ย เป็นคนที่ต้องการความช่วยเหลือสุดๆ เหมือนกัน สรุปสั้นๆเลย All The Bright Places ก็เป็นหนังโรแมนติกดราม่า ที่ไม่ตอบโจทย์คนที่ชอบหนังรักจ๋า ตัวหนังยังเอื่อยอยู่ พล็อตไม่หวือหวาอะไรนัก เราไม่รู้ว่าอารมณ์อึนๆ นี่คือจุดขายของหนังหรือเปล่า แต่ก็เป็นรสฝาดติดปลายลิ้นที่ถ้าใครชอบก็คงไม่ว่า แต่เกิดไม่ถูกใจขึ้นมาก็เสียอารมณ์ไปเลย
All The Bright Places เล่าเรื่องเกี่ยวกับบาดแผลในชีวิตของวัยรุ่นสองคนที่พวกเขาต้องรับมือและก้าวข้าม เรื่องเริ่มต้นจากมุมมองของไวโอเล็ต มาร์คีย์ (รับบทโดยแอล แฟนนิ่ง) เด็กสาวที่มีภาวะซึมเศร้าจากเหตุการณ์ที่พี่สาวประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต วันหนึ่งเธอยืนไปหยุดที่สะพานและครุ่นคิดว่าจะกระโดดลงจากตรงนั้นดีหรือไม่ แต่ธีโอดอร์ ฟินช์ (รับบทโดยจัสติส สมิธ) ผ่านมาเห็นเข้าและเกลี้ยกล่อมให้เธอก้าวออกมาจากขอบสะพาน หลังจากนั้น ธีโอดอร์พยายามตีสนิท
กับไวโอเล็ต โดยการจับคู่กับเธอทำงานกลุ่ม ทั้งสองต้องทำรายงานเกี่ยวกับสถานที่สำคัญในอินเดียนา ธีโอดอร์ได้พาไวโอเล็ตไปยังสถานที่สวยงามต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจุดสูงสุดของอินเดียนา รถไฟเหาะทำเองที่สวนหลังบ้าน ต้นไม้ที่มีรองเท้าแขวนอยู่เต็มไปหมด หรือกำแพงกราฟฟิตีที่พูดเรื่องความตาย และทั้งสองก็พัฒนาความสัมพันธ์ลึกซึ้งระหว่างกันมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกัน อดีตอันมืดหม่นของธีโอดอร์ก็เผยตัวออกมาให้เห็นในรูปแบบของการหายหน้าไปจากเพื่อนฝูงและโรงเรียนเป็นสัปดาห์เสียเฉยๆ
หนังมีองค์ประกอบเกี่ยวกับความรักและความเจ็บปวดจากการพรากจากคนที่รัก ไม่ต่างจาก The Fault In Our Stars แต่ให้ความสำคัญกับความเจ็บป่วยทางจิตใจ โทนของหนังเริ่มแรกดูเหมือนหนังรักระหว่างวัยรุ่น โดยที่ตัวละครทั้งสองผูกพันกันผ่านบาดแผลในอดีต และดูจะให้ความสำคัญกับความรักในฐานะสิ่งเยียวยาจิตใจ แต่ครึ่งหลังของหนังพาผู้ชมไปพบกับก้นบึ้งอันดำมืดที่ธีโอดอร์ต้องเผชิญและไม่อาจข้ามผ่านไปได้ หนังไม่ได้บอกชัดเจนว่าความเจ็บป่วยทางจิตที่ธีโอดอร์
เนื้อเรื่อง รีวิว All the Bright Places
เผชิญอยู่เรียกว่าอะไร แต่ในฉบับหนังสือ ระบุไว้ว่าเป็นโรคอารมณ์สองขั้ว (Bipolar Disorder) ธีโอดอร์มักรู้สึกว่าความคิดของเขาแล่นเร็วเกินจนเขาต้องเขียนมันลงบทกระดาษและแปะไว้เต็มห้องนอน หลายข้อความในนั้นก็เป็นข้อความเชิงบวกที่ผลักดันให้เขาใช้ชีวิตต่อไปอย่างปกติ เวลาที่เขามีพลังงานล้นเหลือ เขามักจะออกไปวิ่ง และยังสร้างแรงบันดาลใจให้ไว้โอเล็ตก้าวข้ามบาดแผลของตัวเองด้วยการพาไปเที่ยวในที่ต่างๆ แต่เมื่อเขาเข้าสู่ภาวะซึมเศร้า เขาจะหายหน้าจากผู้อื่นไปและใช้เวลาอยู่คนเดียว นอกจากนั้น ธีโอดอร์ยังมีพฤติกรรมรุนแรงเขาชกต่อยกับเพื่อนที่โรงเรียน จนผู้คนต่างกล่าวว่าเขาเป็นคนอันตราย และเป็น ‘ตัวประหลาด’ (freak) ดูหนัง ดูหนังออนไลน์
สาส์นสำคัญอย่างหนึ่งของหนัง อาจเป็นการแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่จมอยู่กับความมืดมิดนั่นเองที่รู้ว่าชีวิตของคนเราสว่างไสวได้มากแค่ไหน เหมือนกับที่ธีโอดอร์ให้ข้อคิดกับไวโอเล็ตในการใช้ชีวิตได้ ทั้งที่เขาก็แบกรับปัญหาของตัวเอง เราจะได้เห็นพัฒนาการของไวโอเล็ตผ่านรอยยิ้มที่กว้างขึ้นเรื่อยๆ ในระหว่างใช้เวลาร่วมกันกับธีโอดอร์ เราเห็นเธอกล้าขึ้นรถอีกครั้ง หรือแม้กระทั่งขับรถไปตามหาธีโอดอร์ในตอนท้ายเรื่อง จากที่เธอปฏิเสธจะทำเช่นนั้นมาตลอด
ความรักดูจะเป็นสาส์นสำคัญอีกหนึ่งข้อในหนังเรื่องนี้ หนังนำเสนอความรัก โดยเฉพาะระหว่างหนุ่มสาว ในฐานะแรงขับที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ ซึ่งเป็นค่านิยมที่เห็นได้ทั่วไปในหนังแนว Coming of Age ซึ่งหากพูดตามหลักจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์แล้วก็นับว่าสอดคล้องกัน เพราะ ‘สัญชาตญาณมุ่งเป็น’ (Eros หรือ Life Instinct) ซึ่งเป็นสัญชาตญาณที่กระตุ้นให้มนุษย์แสวงหาความพึงพอใจในการใช้ชีวิต หรือป้องกันตนเองนั้น แสดงออกในรูปแรงขับทางเพศ ที่ไม่ใช่เพียงอารมณ์ทางเพศเท่านั้น แต่เป็นการแสวงหาการได้รับการยอมรับหรือเป็นส่วนหนึ่งของอะไรบางอย่าง
หนังดูจะให้ความสำคัญกับองค์ประกอบทางครอบครัวที่มีผลต่อผู้มีสภาวะทางจิต เรารู้ได้ว่าธีโอดอร์มีแผลเป็นตามร่างกายจากการที่พ่อเขาทำร้ายมาตั้งแต่เด็ก แม่ของเขาไม่ค่อยอยู่บ้าน และพี่สาวของเขาก็ทำงานตลอดเวลา เขาพยายามค้นหาสาเหตุว่าเหตุใดเขาจึงมีพฤติกรรมรุนแรง และสืบสาวกลับไปยังเรื่องพ่อ แต่ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าพ่อมีเหตุผลอย่างไรจึงต้องทำเช่นนั้น นี่เป็นแรงผลักดันที่ทำให้เขาตัดสินใจครั้งสำคัญตอนท้ายเรื่อง
All the Bright Places
อย่างไรก็ตาม หนังดูจะให้น้ำหนักกับภูมิหลังของธีโอดอร์น้อยไปหน่อย และใช้เวลากับการเล่าถึงความรักระหว่างวัยรุ่นค่อนข้างมาก ทำให้รู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป แต่เรื่องเศร้าในหนังนั้นก็ให้ความรู้สึกเหมือนการชำระล้างจิตใจ (Catharsis) และเกิดความสะทกสะเทือนในอารมณ์จนต้องหันกลับมามองตนเองและคนรอบข้างว่ามีบาดแผลใดที่ยังไม่ได้เยียวยาอยู่หรือไม่
ฟินซ์ เขาใช้เวลาเข้าหาไวโอเล็ตเป็นระยะๆ จนในที่สุดเธอเปิดใจและร่วมทำรายงานเกี่ยวกับการค้นหาสถานที่ต่างๆ ในอินดีแอนาเมืองเล็กๆ ที่ทั้งสองอาศัยอยู่ มิติที่น่าสนใจของไวโอเล็ต ในมุมมองของฟินซ์ คือเธอสดใส และแน่นอนว่ามันต่างจากตอนนี้ที่เขาได้พบเธอ ซึ่งตัวของฟินซ์นั้นเชื่อว่าเธอมีมากกว่าหนึ่งสีสัน จากเดิมไวโอเล็ตเป็นนักเขียนเธอชอบจดบันทึก แต่เพราะเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับพี่สาวของไวโอเล็ต ทำให้ต้องห่างหายไปจากการจดบันทึก ฟินซ์ ทำให้เธอกลับ
มาจับมันได้อีกครั้ง นั่นหมายถึงเธอกำลังกลับมาเป็นคนเดิม เริ่มเข้าสังคม ฟังเพลง กล้านั่งรถยนต์ไปไหนมาไหนกับฟินซ์มากขึ้น แต่ตัวหนังก็ไม่ได้เล่าในด้านดีเพียงด้านเดียว ยังมีการเล่าถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นหากว่าบุคคลที่มีปัญหาด้านสุขภาพจิตต้องเจอกับสถานการณ์ที่มันตึงเครียด มันก็เป็นเหตุผลที่จะทำให้อารมณ์ของบุคคลนั้นปะทุออกมาจนควบคุมตนเองไม่ได้ และตัวหนังยังสื่อให้เห็นถึงมุมมองทางความคิดของคนที่มีปัญหาสุขภาพจิตอย่าง ฟินซ์ และไวโอเล็ต อย่างเช่นตัว
ไวโอเล็ต เมื่อเธอต้องนั่งรถหรือต้องออกไปไหนเธอจะเกิดอาการกลัว ส่วนตัวฟินซ์ก็เป็นคนที่มีความคิดที่ค่อนข้างแปลก จนบางครั้งก็ทำอะไรลงไปโดยไม่มีเหตุผล และไม่ได้ตั้งใจ ที่สำคัญพวกเขาก็ต่างก็มีปมในอดีตที่คอยฉุดรั้งเขาเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถที่จะก้าวต่อไปได้อย่างคนปกติ
‘เราไม่ได้จดจำวัน เราจดจำช่วงเวลา’ เวลาผ่านไปนานจนเราจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นเป็นวันไหน เราสามารถรับรู้ได้เพียงแค่ช่วงเวลานี้ที่ความทรงจำดีๆ หวนคืนมาให้เราคิดถึงเสมอ แต่ละคนมีเรื่องที่ต้องเผชิญโดยไม่จำเป็นต้องบอกใคร เพียงแต่ในการแก้ปัญหานั้นต้องมีคนช่วยประคับประคองให้ผ่านพ้นช่วงเลวร้ายไปได้ DooDiDo ขอให้คะแนน 8.5/10 คะแนน
ส่วนตัวหนังเรื่อง All the Bright Places แสงแห่งหวังที่ทุกฝั่งฟ้า สมารถรับชมได้แล้ววันนี้ทางเน็ตฟลิกซ์ และสามารถรับชมหนังเรื่องนี้ผ่านเน็ตฟลิกซ์ได้เต็มตากับจอทีวีผ่านกล่อง Netflix ได้แล้ว คือต้องบอกเลยถ้าได้รับชมหนังที่น้องแอลล์ แฟนนิ่งแสดง ผ่านกล่อง Netflix จะเป็นอะไรอะไรที่ฟินตาฟินใจสุดๆ เพราะภาพมันชัดจริงๆ และนอกจากเน็ตฟลิกซ์แล้วกล่อง Netflix ยังมีความบันเทิงอีกหลายรูปแบบที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินอย่างแน่นอน รีวิวหนังรัก