รีวิว อุ่นไอหัวใจตูบ
โชคชะตาได้นำพาให้ เอ็นโซ่ (ให้เสียงบรรยายโดย เควิน คอสต์เนอร์)สุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ ได้มาเจอกับ เดนนี (ไมโล แวนทิมิเกลีย) นักแข่งรถฟอร์มูลาวัน ผ่านวันเวลาความสุขทั้งการได้พบรักกับ อีฟ (อแมนดา ไซย์ฟรีด)จนสร้างครอบครัวร่วมกัน ไปจนถึงช่วงเวลาที่ชีวิตมาถึงจุดหักเหที่เอ็นโซ่และเดนนีได้เรียนรู้และก้าวข้ามมันไปด้วยกันจนกลายเป็นความผูกพันที่ยากจะหาคำบรรยายใดๆ ดูหนังฟรี
เดิมที The Art of Racing in the Rain คือนิยายจากปลายปากกาของ การ์ธ สไตน์ ที่ได้ติดอันดับหนังสือขายดี แต่การเดินทางแต่ละหลักไมล์ของหนังต้องเรียกได้ว่าทรหดทีเดียว ตั้งแต่ปี 2009 ที่โพรเจกต์ยังอยู่กับยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ จนหลุดมาอยู่กับดิสนีย์ในปี 2016 ก็ยังไม่ได้ตัวผู้กำกับที่มีวิสัยทัศน์พอจะเล่าเรื่องราวของหมาที่เฝ้ามองชีวิตมนุษย์ไปพร้อมร่ายปรัชญารถแข่งกับชีวิต จนกระทั่งปี 2017 มาร์ค บอมแบค คนเขียนบทได้ประกาศว่าโปรเจกต์ได้มาพัฒนาจนพร้อมถ่ายที่ ทเวนตี้ เซ็นจู
รี ฟอกซ์ และได้เริ่มถ่ายทำกันปี 2018 ได้ไซมอน เคอร์ติส จาก My Week With Marilyn (2011) มากำกับ แต่จนแล้วจนรอดพอหนังได้ออกฉายปีนี้ (2019) ฟอกซ์ ก็ถูกซื้อโดยดิสนีย์และถือเป็นหนังเรื่องแรกในไทยของฟอกซ์ที่จัดจำหน่ายโดยดิสนีย์อย่างเป็นทางการ ข้อดีอย่างหนึ่งของการเริ่มจัดจำหน่าย The Art of Racing in the Rain โดยดิสนีย์เป็นเรื่องแรกก็คือโทนหนังไม่ได้หลุดจากความเป็นดิสนีย์นัก เรียกได้ว่าเอามันไปเข้าคอลเลกชันหนังหมาของดิสนีย์เป็นร้อยเรื่องได้เลย แต่ใน
ขณะเดียวกันก็เริ่มทำให้เห็นวิสัยทัศน์ของดิสนีย์ที่อยากให้บริษัทในเครือผลิตคอนเทนต์ที่ดูได้ทั้งครอบครัวเป็นหลัก ซึ่งก็ต้องรอดูต่อไปว่า ฟอกซ์ ภายใต้ชายคาของดิสนีย์จะยังมีหนังที่กล้าบ้าเหนือเรต PG13 ออกมาแค่ไหนแต่แม้จะได้ชื่อว่าเป็นหนังหมาที่ออกโรงฉายตามหลังทั้ง A Dog’s Way Home ของโซนี่ หรือ A Dog’s Journey ของยูนิเวอร์แซล The Art of Racing in the Rain กลับแตกต่างและมีดีในตัวเอาแค่ชื่อเรื่องมันก็กล้าตัดคำว่า Dog ออกแล้ว เรื่องราว
และการดำเนินเรื่องของมันกลับแตกต่างและแปลกใหม่ซึ่งก็ต้องยกย่องวิสัยทัศน์ ไซมอน เคอร์ติส ผู้กำกับอยู่เหมือนกันที่ทำให้หนังหมาเรื่องนี้ต่างจากหนังหมาปี 2019 เรื่องอื่นๆด้วยการคงโทนดราม่าจริงจังและไม่เน้นขายความน่ารักของลูกหมาเหมือน
ชาวบ้านจนผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าน่าพึงพอใจมาก เพราะบอกตามตรงว่าการดัดแปลงนิยายที่เน้นบทบรรยายเรื่องราวของหมาผ่านตัวอักษรมีสิทธิ์จะกลายเป็นหนังน่าเบื่อได้ง่ายๆ แต่การตัดสินใจที่ชาญฉลาดมากๆคือ การให้เควิน คอสต์เนอร์ มาบรรยาย
ความคิดของเอ็นโซ่ ด้วยน้ำเสียงดูอบอุ่นและยังถือว่ามีความหนุ่มในเนื้อเสียงเลยทำให้ภาพของเจ้า โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ เต็มไปด้วยความกระฉับกระเฉงและขณะเดียวกันยังสามารถพลิกมาบอกเล่าโหมดดราม่าเรียนรู้ชีวิตได้อย่างไม่ขัดเขิน แม้จะเทคนิค
บอกเล่าจะดูคล้าย A Dog’s Journey ที่เพิ่งฉายไป 2 สัปดาห์ก่อนแต่ด้วยเรื่องราวที่มีความเป็นเอกภาพและยังพาคนดูไปสำรวจความคิดหมาที่เปรียบชีวิตกับรถแข่งก็ทำให้บทดัดแปลงของ มาร์ค บอมแบค ทำงานกับหัวใจคนดูได้อย่างเต็มสูบเลยทีเดียว ที่สำคัญด้วยเรื่องราวที่เกิดขึ้นในบริบทโลกความเร็วมันยังเอื้อให้หนังมีภาพอันน่าตื่นตาของฉากประลองความเร็วรถแข่งในสนามที่ต่อมาได้กลายเป็นต้นธารความคิดที่เจ้าเอ็นโซ่ใช้มองชะตาชีวิตของเดนนีได้อย่างคมคาย
เรื่องย่อ รีวิว อุ่นไอหัวใจตูบ
อีกจุดที่น่าชื่นชมคือการเลือกนักแสดงอย่าง ไมโล แวนทิมิเกลีย และ อแมนดา ไซย์ฟรีด มาแสดงนำที่ช่วยให้โทนดราม่าอบอุ่นในเรื่องออกมาละมุนละไมมาก สำหรับ อแมนดา ไซย์ฟรีด เราอาจพอได้เห็นหน้าเธอมาบ้างและเธอก็ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า ดูหนังใหม่
ฝีมือของเธอก็มีดีไม่แพ้หน้าตา ซึ่ง The Art of Racing in the rain ก็ให้โอกาสเธอพิสูจน์ฝีมือด้วยการรับบทดราม่าตั้งแต่ครูสาวแสนสดใสไปจนถึงแม่และเมียที่ต้องเผชิญกับวิบากกรรมชีวิต อันถือเป็นการรับบทที่ดูเป็นผู้ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของเธอเลยก็
ว่าได้ ส่วน ไมโล แวนทิมิเกลีย ที่เคยทำสาวๆกรี๊ดกร๊าดจากซีรีส์ Hero เมื่อหลายปีก่อนก็ได้กลับมารับบทนำอีกครั้ง และก็อาจกล่าวได้ว่า The Art of Racing in the Rain น่าจะเป็นผลงานต้อนรับการคัมแบกของเขาได้อย่างสมศักดิ์ศรี เพราะไมโล
จะต้องสื่อสารอารมณ์ ความรัก ความผูกพันธ์ ทั้งในฐานะพ่อ และเจ้าของหมาที่พยายามดิ้นรนถีบชีวิตตัวเองทุกทางเพื่อให้พ้นโค้งอันตรายของชีวิต และด้วยฝีไม้ลายมือที่เข้าฝักแล้วก็ทำให้คนดูอดเอาใจช่วยตัวละครของเขาไม่ได้เลยทีเดียวแม้ว่าปีนี้จะมีหนังที่หมาเป็นจุดขายเรียกแขกกันเกร่อที่สุดปีหนึ่งในวงการหนังฮอลลีวูด แต่ The Art of Racing in the Rain ก็ยืนหยัดท้าทายพิสูจน์ตัวเองแล้วว่าถ้าหนังมีดีในตัวเองก็ไม่ต้องกลัวโดนเปรียบเทียบ ด้วยเรื่องราวดราม่าจริงจังสุดเข้มข้น ทำ
ให้คอหนังที่อยากดูหนังบทดีๆให้ข้อคิดกับชีวิตสมใจอยากในขณะเดียวกันเหล่าบรรดาทาสหมาก็จะได้ฟินกับความขี้เล่นและได้คำสอนจากเจ้าเอ็นโซ่ หมาโกลเด้นรีทรีฟเวอร์ที่จะอยู่ในใจคอหนังแน่นอน.ซึ่งแวปแรกเราคิดเลยว่ามันจะเป็นหนังแบบ A Dog’s Purpose หรือ A Dog’s Journey เพราะมันดำเนินเรื่องและบอกเล่าเรื่องด้วยตัวหมาเหมือนกัน แต่หลังจากดูแล้วมันค่อนข้างจะต่างกันพอสมควร เพราะในเรื่องนี้มันไม่ได้เน้นขายความน่ารักหรือ
ความผูกพันของหมากับเจ้าของสักเท่าไหร่ แต่จะโฟกัสที่เรื่องราวชีวิต ประเด็นต่างๆ ของพระเอกที่ถูกนำมาเปรียบเทียบกับการแข่งรถผ่านมุมมองของหมาเสียมากกว่า หมาจะเป็นเหมือนผู้บรรยายที่เห็นเหตุการณ์ต่างๆ และนำมาบอกเล่าให้คนดูฟังอีกทีหากมองผิวเผินและดูจากตัวอย่าง + ชื่อเรื่องแล้ว อาจจะทำให้นึกได้ว่าเป็นหนังแข่งรถที่มีน้องหมาร่วมด้วย (ทำให้นึกถึงหนังแฟรนไชส์ Buddie แต่ก่อน ที่มาเล่นกีฬาต่างๆ) แต่มันไม่ใช่แบบนั้น มันลึกซึ้งกว่านั้นมาก เพราะเรื่องราวทั้งหมดมันถูก
เปรียบเทียบกับการแข่งขัน มันมีเรื่องราวการแข่งรถเข้ามาครอบโครงเรื่องไว้ แต่การแข่งที่แท้จริงของหนังเรื่องนี้มันเปรียบกับชีวิตของพระเอกต่างหาก เขาต้องขับรถบนเส้นทางชีวิตเพื่อตัวเองและในฐานะผู้เป็นพ่อ นักแข่งรถที่ดีไม่คิดถึงอดีตหรืออนาคต
รีวิว อุ่นไอหัวใจตูบ
แต่จะคิดถึงปัจจุบัน และนั่นสะท้อนเหตุการณ์ของพระเอกได้เป็นอย่างดีกับปัญหาที่เขาต้องเจอ ดังคำกล่าวที่เขาพูดไว้ในหนังว่า “ไม่มีการแข่งขันไหนชนะกันที่โค้งแรก แต่มีหลายคันแพ้ที่โค้งนั้น” ต่อให้เขาจะหลุดโค้งหรือเข้าโค้งพลาดสักกี่โค้งก็ตาม แต่เขายังไม่แพ้ เพราะนั่นไม่ใช่โค้งสุดท้ายของชีวิต ชอบประเด็นนี้มาก เป็นหนังดราม่าชีวิตที่เปรียบเทียบกับการแข่งรถได้คมมาก รีวิวหนัง
จุดนึงที่น่าชื่นชมเลยคือคนให้เสียงพากย์ Enzo เนี่ยแหละ เจ้าของเสียงนั่นคือ Kevin Costner เสียงเขาเพราะมากกกกกก นุ่ม น่าฟัง ทำให้หนังอบอุ่นขึ้นมากกกกก และพาร์ทดราม่าก็ดูน่าสงสารจริงๆ ถึงแม้จะไม่มีฉากน่ารักจ๋าๆ อย่างหนังหมาเรื่องอื่น ๆ
แต่ก็มีฉากที่ทำให้เรายิ้มได้อยู่หลายช่วงเหมือนกัน ตามมาด้วยนักแสดงในบท Denny กับ Milo Ventimiglia และเขาก็เป็นอีกคนที่ทำให้หนังมันดูอบอุ่นเช่นเดียวกับเสียงพากย์ของ Enzo เลย แถมฉากสื่ออารมณ์ต่างๆ เขาก็ทำออกมาได้ดีในระดับนึงเลยทีเดียวทั้งนี้ทั้งนั้นช่วงแรกของหนังยังรู้สึกเอื่อยๆ และเล่ายาวเกินไปสักหน่อย พึ่งมาเข้มข้น ดราม่าในช่วงท้ายๆ ที่เล่นเอาน้ำตาคลอเหมือนกัน แต่มันก็ยังไม่สุดอยู่ดี ไม่ว่าจะในแง่ไหนของหนังก็ตาม
โดยรวมแล้ว The Art of Racing in the Rain ไม่ใช่หนังที่ขายหมาจ๋าๆ อย่างหนังหมาเรื่องอื่นๆ แต่มันคือหนังที่ถ่ายทอดชีวิตของชายคนนึงผ่านมุมมองของหมา โดยมีหมาเป็นผู้เห็นและบรรยายเหตุการณ์ต่างๆ แทน เป็นหนังที่ดูแล้วอบอุ่นเล็กๆ อยู่ในใจเหมือนกันหนัง หรือชื่อไทยว่า อุ่นไอหัวใจตูบ จากนิยายขายดีฝีมือ การ์ธ สไตน์ สู่ภาพยนตร์ที่บอกเล่าโดยน้องหมาแสนรู้ชื่อว่า เอนโซ (พากย์เสียงโดย เควิน คอสต์เนอร์) กับเรื่องราวชวนประทับใจของมิตรภาพของมันและเจ้านายที่รัก เดนนี่ สวิฟต์
(ไมโล เวนทิมิเกลีย) ผู้เป็นนักแข่งรถฟอร์มูล่า วันมือฉมัง เอนโซได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับมนุษย์ และได้รับบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่ว่าเทคนิคในสนามแข่งรถนั้น สามารถนำมาปรับใช้ให้เข้ากับการเดินทางของชีวิตอีกด้วย พร้อมท่องไปในโลกของน้องหมา
เอนโซ พร้อมกับครอบครัวของเดนนี่ ร่วมด้วยศรีภรรยาของเขา อีฟ (อะแมนด้า ไซย์ฟรีด) และลูกสาวสุดที่รัก โซอี้ (ไรอัน คิเอร่า อาร์มสตรอง) การันตีความน่ารักน่าเอ็นดูโดยทีมผู้สร้างจาก “Marley & Me” นำโดยผู้กำกับฯ ไซมอน เคอร์ทิส และผู้เขียนบทฯ มาร์ค บอมแบ็ก