รีวิว The End Of The Fucking World

รีวิว The End Of The Fucking World ที่มา

The End of the F***ing World ได้แรงบันดาลใจและสร้างมาจากนิยายภาพชื่อเดียวกันซึ่งโด่งดังมากๆ ในปี 2013 โดยซีรีส์ถูกดัดแปลงให้มีกลิ่นอายอาชญากรรมมากกว่า คล้ายๆ ภาพยนตร์ดราม่าทริลเลอร์ Natural Born Killers (1944) ที่เล่าเรื่องคู่รักฆ่าคนสุดโหดเพียงแต่ย่อสเกลลงมาเป็นฉบับเด็กวัยรุ่นที่ประเด็นการฆาตกรรมกลายเป็นเรื่อง coming of age ไปเสียอย่างนั้น หรือความโดดเด่นแบบคู่รักฆาตกร Bonnie and Clyde ที่ทำให้คนดูค่อยๆ รู้สึกผูกพันกับตัวละครที่กระทำผิดกฎหมาย แถมเคมีของนักแสดงยังเข้ากันมากจนทำให้เราเชื่อว่าตัวละครทั้งสองผ่านอะไรมาด้วยกันและรู้สึกพิเศษต่อกันจากใจจริงดูหนัง,

รีวิว The End Of The Fucking World

เล่าเรื่องชีวิตของ เจมส์ เด็กชายผู้คิดว่าตัวเองเป็นโรคจิต เขาไร้ความรู้สึก ไม่ชอบพูดคุยกับใคร และครั้งหนึ่งเขาเคยจุ่มมือตัวเองลงไปในหม้อทอด เพื่อที่จะรับรู้ความรู้สึกนั้นเป็นอย่างไร อีกทั้งเขายังมีความหลงไหลสุดแปลก นั่นคือหลงไหลในการฆ่า เขาเคยฆ่าสัตว์มากมาย และเขากำลังวางแผนที่จะลองฆ่าคนดูบ้าง และผู้โชคร้ายคนนั้นที่จะเป็นเหยื่อ ก็คือ อลิสซ่า เด็กสาวบ้านแตก ที่แม่แต่งงานใหม่และมีน้องฝาแฝด เธอดูปกติทั่วไป แต่ผิดตรงที่เธอเป็นคนอารมณ์ฉุนเฉียว และมีความต้องการสูง อลิสซ่า พบกับเจมส์ในโรงอาหาร และตกหลุมรักทันที เพราะคิดว่าเขาดูแตกต่างจากคนทั่วไป หลังจากนั้นพวกเขาก็ตกลงคบกัน และก็ไปเที่ยวที่บ้านของ เจมส์ โดยที่ อลิสซ่า ไม่รู้เลยว่า เธอกำลังจะถูกฆาตกรรม เจมส์ เกือบจะได้ลงมือแล้ว แต่พ่อตัวแสบของเขากลับบ้านมาเสียก่อน ทำให้แผนล่มดูหนังออนไลน์

รีวิว The End Of The Fucking World

ดูจากเรื่องย่อที่กล่าวมาข้างต้นก็คงพอเห็นแล้วว่าความน่าสนใจของซีรีส์เรื่องนี้คือการผสานระหว่างหนังฆาตกรโรคจิตเข้ากับแนวรักโรแมนติกใสๆวัยรุ่นชอบ ซึ่งด้วยความที่หนังต้องการคงโทนโรแมนติกก็สบายใจได้ว่าสัดส่วนของความโหดด้านภาพจะไม่ได้มากมายนัก แถมเล่าๆไปความโรคจิตของตัวเจมส์ก็แทบไม่เห็นเพราะท้ายที่สุดหนังก็พยายามทำให้คนดูรักพระเอกของเรา ซึ่งด้วยการแสดงของ อเล็กซ์ ลอว์เธอร์ ก็ไม่ได้ทำให้ผิดหวัง เขาสามารถรับบท เจมส์ ชายหนุ่มผู้อยู่ผิดที่ผิดทางเหมือนวัยรุ่นแสวงหาตัวตนจากด้านมืดของตัวเองได้อย่างมีเสน่ห์ สามารถสร้างสมดุลระหว่างความประหลาด ความน่ากลัวแล้วก้าวข้ามไปสู่ความน่ารัก ทำให้คนดูอยากเอาใจช่วยได้เป็นอย่างดี ในขณะที่ เจสสิกา บาร์เดน ก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่แพ้กัน เพราะบท อลิซซ่า เองก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ความโหยหาคนรักคนเข้าใจ ภายใต้ท่าทีก๋ากั่นบ้าผู้ชาย เธอสามารถทำให้ความรู้สึกคนดูค่อยๆพังทลายลงช้าๆเมื่อหนังดำเนินไปเรื่อยๆ ได้อย่างน่าเชื่อถือ

ความประทับใจแรก

• เนื้อหาแปลกใหม่ ออกแนวประชดสังคม ประชดโลก! เหมาะกับคนที่กำลังเบื่อหนังรักซ้ำ ๆ เบื่อหนังตลกมุกแป้ก ๆ เพราะเรื่องนี้จะฉีกกฎความจำเจทิ้ง! มีอารมณ์ขันแบบตลกร้าย และแฝงด้วยภาพสะท้อนสังคม อีกทั้งหนังยังสอดแทรกแง่มุมบางอย่าง ที่เป็นข้อคิดให้กับวัยรุ่นด้วยดูหนังออนไลน์

• การเล่าเรื่องสลับพระเอก นางเอก ทำให้ได้รู้ความในใจของทั้งสอง! กลวิธีการเล่าเรื่องแบบนี้ ส่วนใหญ่จะพบได้ในหนังรักโรแมนติก หวานซึ้งไปเลย แต่พอเอามาใช้เล่าในหนัง ที่ไม่ได้โรแมนติกจ๋ามาก ด้วยที่พระเอก นางเอก สบถกันไปมาในใจ มันก็ได้อารมณ์ขันไปอีกแบบนะ คิดอยู่ว่าเขินหรือขำดี

รีวิว The End Of The Fucking World

• Mood & Tone ของหนัง ให้ความรู้สึกสบายใจ ดูแล้วไม่เครียด รู้สึกเป็นอิสระ! การใช้โทนสีภาพแบบออก Retro หน่อย ๆ ตัดกับภาพธรรมชาติ ต้นไม้ ท้องฟ้า ถนน และบ้านเมือง ทำให้มีชีวิตชีวาดีมาก! ชอบฉากที่ อลิสซ่า นอนลงมองท้องฟ้า แล้วเธอก็อินไปกับบรรยากาศ ทำให้รู้สึกสดชื่นและสัมผัสความรู้สึกของเธอได้เลย!ดูหนัง

ประเด็นที่น่าจับตา

• หนังสะท้อนภาพ ปมปัญหาทางจิตของเด็กวัยรุ่น วัยหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่เกิดจากปัญหาครอบครัว โดยเห็นได้ชัดจากตัวเอกทั้งสองคน “เจมส์” มีปัญหาในการแสดงออกทางอารมณ์ และยังมีอาการจิตเภท ที่ทำให้เขาความสุขในการฆ่าด้วย สิ่งที่หล่อหลอมเขาให้กลายเป็นเด็กมีปัญหา ก็เกิดจากการที่เขาสูญเสียแม่ไป แต่หนังยังไม่เฉลยว่า สาเหตุที่แท้เกิดจากอะไร ส่วน “อลิสซ่า” ก็มีปัญหาด้านการควบคุมอารมณ์ อีกทั้งยังมีความต้องการทางเพศสูง สาเหตุเกิดจากการที่เธอขาดพ่อ เธอจึงโหยหาความรัก และสัมผัสจากผู้ชาย เพื่อทดแทนสิ่งที่เธอไม่ได้รับ

รีวิวThe End Of The Fucking World

• หนังสะท้อนภาพ คนกลุ่มน้อย ที่มีพฤติกรรมแบบ ” คนนอกสังคม ” ไม่ได้ใช้ชีวิตตามกระแสหลักของสังคม เช่น ปัจจุบันคือสังคมก้มหน้า เพื่อนทุกคนในโรงเรียน ติดโทรศัพท์ แต่ อลิสซ่า กลับไม่ชอบโทรศัพท์อย่างมาก หรือเรียกได้ว่าต่อต้าน เพราะเธอไม่เข้าใจว่า ทำไมเพื่อนเธอถึงไม่พูดกัน แต่ส่งข้อความคุยกันแทน ทั้ง ๆ ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เธอโมโหมากและขว้างมือถือทิ้ง พฤติกรรมของ อลิสซ่า กลายเป็นพฤติกรรมแบบคนนอกสังคม ที่ไม่ยอมรับสิ่งที่คนส่วนใหญ่ทำกัน และเซอร์ไพรส์มากที่ เจมส์ เองก็ไม่ชอบการใช้โทรศัพท์เหมือนกัน ทั้งสองจึงมีพฤติกรรมขัดขืนกระแสหลักของสังคม นอกจากนั้นยังมีการถ่ายถึงตัวละครอื่น ๆ ที่ไม่ได้ใช้ชีวิตตามสิ่งที่สังคมมองว่าปกติด้วย เช่น ยายคนหนึ่ง ชอบแต่งตัวสีจัดจ้าน แบบไม่เข้ากัน ท่าทางดูพิลึก ต่างจากชาวบ้าน แต่ อลิสซ่า กลับมองว่าเธอดูเจ๋งที่สุด
ถ้าจะตีความลงไปในสิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อ อาจเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า สังคมของเราเต็มไปด้วยคนหลากหลายประเภท บางคนเลือกใช้ชีวิตตามค่านิยมของสังคม สิ่งที่คนส่วนมากมองว่าดี อย่างการใช้โทรศัพท์มือถือ ใช้รถยนต์ในการเดินทาง ฯลฯ แต่อันที่จริงก็ยังมีคนอีกหลากหลาย ที่เลือกใช้ชีวิตแตกต่าง เขาอาจจะชอบการคุยกันต่อหน้า มากกว่าใช้เครื่องสื่อสาร อย่างเช่น อลิสซ่า กับ เจมส์ หรือเขาอาจชอบการเดิน การปั่นจักรยาน หรือการใช้สเก็ตบอร์ด แทนรถยนต์ สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ผิดแปลก และไม่ได้ลดคุณค่าในความเป็นมนุษย์ของพวกเขา เพียงแค่พวกเขาเลือกที่จะใช้ชีวิตแตกต่าง และสวนทางกับสิ่งที่คนส่วนใหญ่มองว่าดีเท่านั้นเอง เราถูกหล่อหลอมทัศนคติจากสังคม ส่วนสังคมเป็นคนตีกรอบ และแบ่งแยกมนุษย์ ออกเป็นกลุ่ม ๆ และชี้ให้เราทำตามสิ่งที่ให้ค่าว่าดี ถ้าใครทำตรงกันข้าม ก็ถูกมองว่าไม่ดี

รีวิวThe End Of The Fucking World

• อลิสซ่า กับ เจมส์ จะหนีออกจากเมืองแย่ ๆ นี้อย่างไร? และพวกเขาจะไปที่ไหน? ชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อไป นั่นเป็นสิ่งที่คาดเดาได้ยากที่สุด เพราะหนังเรื่องนี้ทำแนวหักมุม ฉีกกระแสหลักของสังคม จึงเดาไม่ถูกว่าสุดท้ายจะลงเอยอย่างไร ทั้งสองอาจนี้ออกจากบ้าน และวันประสบการณ์สอนให้โตขึ้น พวกเขาอาจจะกลับบ้าน หรืออาจฉีกไปในทางตรงข้ามเลยก็ได้!

• เจมส์ จะฆ่า อลิสซ่า สำเร็จไหม? หรือทั้งสองจะตกหลุมรักกันจริงในภายหลัง? อาจช่วยเติมเต็มชีวิตของกันและกัน เพราะทั้งสองมีความไม่เข้ากัน ที่ไปด้วยกันได้อย่างลงตัว อลิสซ่า อารมณ์ดุร้ายตลอดเวลา ส่วน เจมส์ ก็ไร้อารมณ์ อาจช่วยลองรับกันได้ และแก้ไขปมในจิตใจกัน สุดท้ายทั้งสองก็คือ คู่รักที่เหมาะสมกันคู่หนึ่งเลย!

รีวิวThe End Of The Fucking World

สรุป! หลังจากดูไป 10 นาที “โลกมันห่วย ช่วยไม่ได้ The End Of The F***ing World” น่าดูต่อมาก ๆ คูณสิบล้านครั้ง! ด้วยมุมมองของหนัง ที่จะมาเปิดโลกทัศน์ให้กับคนดู ให้ได้เห็นอีกแง่หนึ่งของคนนอกสังคม พวกเขาใช้ชีวิตกันอย่างไร และหนังเรื่องนี้มีสเน่ห์ตรงที่ ฉีกกรอบหนังรักโรแมนติกทั้งปวง ฉีกภาพน่าเบื่อเดิม ๆ ให้เลิกคิดมาก และสนุกไปกับตลกร้ายของมันได้
อีกอย่างที่ลืมไม่ได้คือเพลงประกอบซีรีส์สุดดีงาม ทั้งช่วงฉากตื่นเต้นที่จงใจใส่เพลงแจ๊สเนิบช้ากวนอารมณ์แบบตลกร้าย เพลงอินดี้ป๊อปจังหวะสนุกชวนให้เปิดฟังระหว่างขับรถ และเพลงแนวอื่นๆ ที่ประกอบรวมกันจนขับเน้นอารมณ์หลากหลายในแต่ละฉากรีวิวหนังรัก

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *