รีวิว Open Range (2003) จอมคนพลิกปฐพี

บอส สเปียร์แมน (Robert Duvall),ชาร์ลีย์ เวท (Kevin Costner),โมล แฮร์ริสัน (Abraham Benrubi),บัตตั้น (Diego Luna) เพื่อนพันธมิตรที่อยู่ร่วมกันอย่างพึ่งพาซึ่งกันและกัน พวกเขามีอาชีพเสี้ยงวัวและดำรงชีวิตตามวิถีคนพเนจรอย่างมีความสุข แต่ความอารยธรรมสมัยใหม่กลับเปลี่ยนไปทำให้กลายเป็นอุปสรรคกีดขวางการดำเนินชีวิตอย่างที่พวกเขาไม่เคยเป็นมาก่อนอย่างไม่คาดคิด เว็บดูหนัง 

 

เมื่อฝูงวัวได้เปลี่ยนทำเลใหม่โดยไปหาอาหารที่อุดมสมบูรณ์ ทำให้ต้องเข้าไปใกล้เมืองแห่งนึ่งชื่อว่าฮาร์มอนวิลล์ แต่เรื่องก็เกิดขึ้นจากความขัดแย้งซึ่งนายอำเภอเป็นพวกจอมฉ้อฉล และเป็นเจ้าของฟาร์มปศุสัตว์รายใหญ่ ซึ่งใช้วิธีปกครองแบบเผด็จการและอคติกับพวกคาวบอยที่ร่อนเร่ ทำให้ชาวบ้านอยู่กันอย่างไม่สงบเพราะความไม่มีศีลธรรมของ

 

รีวิว Open Range (2003) จอมคนพลิกปฐพี

 

นายอำเภอ แต่สงครามก็เกิดขึ้นเมื่อพวกเขาโดนทำร้ายและพวกพ้องต้องบาดเจ็บทำให้บอสและชาร์ลีย์ต้องทวงความยุติธรรมขึ้นมา ถึงแม้จะมีเพียง 2 คนก็พร้อมจะจัดการกลุ่มคนหัวเผด็จการทั้งหมดถึงแม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตามการดำเนินเรื่องแบบเรียบ ๆ เรื่อย ๆ เหมือนหนังชีวิต แต่เพราะเป็นหนังคาวบอยจึงมีเอกลักษณ์อยู่อย่างที่ต่อให้ทั้งเรื่องยิงกันไม่มากก็เป็นเรื่องที่เยี่ยมและดีที่สุดได้คือวิถีชีวิตตามแบบคาวบอย หนังคาวบอยจะมีลักษณ์ที่เรียกความยุติธรรมและการตัดสิน

 

ในแบบลูกผู้ชายนั้นคือการดวลปืน ต้องบอกว่าการดำเนินเนื้อเรื่องทำได้ลงตัวไม่มีอะไรซับซ้อนและคิดหนักแต่เป็นธรรมชาติที่ดูสบายและน่าติดตามแบบฉบับคาวบอยตัวหนังอาจดูน่าเบื่อและอืดเพราะการดำเนินเรื่องที่ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นและฉากแอ็คชั่นที่ยิงกันแบบสาดกระสุน แต่ความสนุกแบบนั้นจะเกิดได้ต่อเมื่อถึงเวลาของบทสรุป โครงเนื้อเรื่องที่วางเอาไว้ถือว่าเยี่ยมที่สามารถทำให้ดูเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีและอำนาจ

 

รีวิว Open Range (2003) จอมคนพลิกปฐพี

 

ช่วงแรกของหนังอาจดูไม่มีอะไรให้สนใจแต่เป็นการเปิดเรื่องด้วยการใช้ชีวิตที่สงบและดำเนินได้ด้วยดีกับการไล่ต้อนวัวและการอาศัยอยู่นอกนอกเมืองได้อย่างอิสระและธรรมชาติ ถึงแม้ว่าอาจจะดูเสียตรงที่การใช้เวลาที่ดูยาวและช้าเพราะยิ่งเนื้อเรื่องเล่นไปมากเท่าไรก็อยากเห็นฝ่ายอำเภอกับบอสและชาร์ลีย์ยิงกัน กลายเป็นว่าเนื้อเรื่องชวนให้น่าติดตามและชวนลุ้นและตื่นตากับการแสดงท่าทางของตัวละครที่วางหมาดว่าใครแน่กว่าใครซึ่งเป็นอะไรที่เนียบและชอบมาก

 

ฉากแอ็คชั่นถือว่าทำได้สนุกและดูต่อเนื่องดี ให้ความรู้สึกที่สดชวนน่าติดตามตามฉบับคาวบอยที่ยิงกันและเปลี่ยนกระสุน หนังไม่ได้มีลูกเล่นอะไรที่แปลกตาแต่กลับแฝงด้วยมิตรภาพ ความเคารพ ยุติธรรมดาที่แฝงออกมาจากตัวละคร ถึงแม้จะมาเสียที่ว่าการดำเนินเรื่องที่ช้าและดูนานเกินไป แต่นั้นก็แฝงด้วยความลึกซึ้งและความละเอียดของตัวหนังให้ผลออกมาดี คนเรานั้นมีอีโก้กันอยู่ทุกคน แต่จะมากหรือน้อยแตกต่างกันอย่างไรนั้นก็ว่ากันไป หลังจาก Dance With Wolves เควิน คอสต์เนอร์คงคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่เสียเต็มประดา เพราะงานที่เขานำเสนอหลังจากนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับ Waterworld เว็บดูหนังฟรี

 

รีวิว Open Range (2003) จอมคนพลิกปฐพี

 

หนังมหึมางานสร้างทุนแพงระยับในยุคนั้น ซึ่งเป็นงานที่ยิ่งใหญ่เกินตัวจนยากที่จะมองเห็นว่าหนังจะให้ผลลัพธ์ตามแบบที่เจ้าตัวต้องการได้อย่างไร . . และแต่ละผลงานหลังจากนั้นมา ก็ไม่อาจทำให้เขากลับไปสู่ระดับสูงสุดอย่างที่เคยเป็นได้อีกเลยแต่น่ายินดีที่คอสต์เนอร์กลายเป็นนักสร้างหนังที่รู้จักว่า “อะไรคือความพอดี” ใน Open Range หนังคาวบอยที่เป็นผลงานกำกับชิ้นล่าสุดของเขา ซึ่งถ้าคอสต์เนอร์จะต้องแลกด้วยเลือดเนื้อกว่าที่จะกลับมายืนตรงจุดนี้ได้ ก็ต้องถือว่าคุ้ม

เรื่องย่อ รีวิว Open Range (2003) จอมคนพลิกปฐพี

(*มุมมองของผู้เขียน) ในฐานะผู้กำกับในที่นี้ คอสต์เนอร์เป็นเหมือนกับนักเล่าเรื่องที่บรรยายด้วยน้ำเสียงที่ฟังไปได้เรื่อยๆ และไม่ใช่นักเล่าเรื่องประเภทออกท่าออกทาง แต่ทว่าทุกประโยค น่าสนใจเอามากๆ จนผู้ฟังไม่รู้สึกเบื่อ แถม ทำไปทำมา พอฟังจบ ผู้ฟังยังจะคิดต่อไปด้วยว่า คนเล่าเองก็ช่างสง่างามเสียนี่กระไร หนังฟรี

 

Open Range เป็นหนังแก้แค้น และเป็นในแบบที่มาพร้อมกับเลือดเนื้อและหัวใจ . . ยิ่งกว่าหนังล้างแค้นอย่าง Once Upon A Time In Mexico และ Kill Bill Vol.1 ซึ่งแคแรคเตอร์ที่หนังนำเสนอนั้น มีเลือดเนื้อ มีชีวิตจิตใจ ลุ่มลึก และเป็นชาวบ้านธรรมดาที่ผู้ชมสามารถเข้าใจในความคิด และการกระทำของพวกเขาได้เลยทันที

 

 

ก็จริงอยู่ที่การกลับมาเป็นผู้กำกับที่ติดดินอีกครั้งของคอสต์เนอร์เป็นเรื่องที่ น่ายินดี แต่เรื่องที่น่ายินดียิ่งกว่า ก็คือการกลับมาเป็นนักแสดงติดดินของคอสต์เนอร์อีกครั้งด้วย และที่เป็นเช่นนั้นคงจะเป็นเพราะผู้กำกับคอสต์เนอร์ ปล่อยให้นักแสดงคอสต์เนอร์ทำหน้าที่เป็นเพียงแค่ผู้ด้อยอาวุโสกว่า เมื่อต้องอยู่เคียงใกล้กับนักแสดงระดับปรมาจารย์อย่างโรเบิร์ต ดูวัล ชนิดให้เกียรติฝ่ายหลังเต็มที่ .สำหรับคอหนังแล้ว ดูวัลเป็นนักแสดงฝีมือจัดจ้านแค่ไหนคงไม่ต้องให้บอก และสำหรับ Open Range เขาก็คือศูนย์กลางที่คอยเชื่อมโยงเรื่องราวที่พูดถึงความรัก , ความแค้น และศักดิ์ศรีเข้าไว้ด้วยกัน . .

 

อันที่จริงตัวบทภาพยนตร์เองก็ไม่ได้มีอะไรที่แปลกใหม่ หรือว่าสลับซับซ้อนอะไร เพียงแต่การนำเสนอของผู้กำกับ คอสต์เนอร์ ที่รู้ได้เลยว่ามีใจให้กับหนังแนวตะวันตกอย่างนี้แบบเต็มหัวใจ กับทีมนักแสดงหลักที่นำทีมมาโดยคอสต์เนอร์ , ดูวัล และแอนเน็ตต์ เบนนิ่ง ที่ขึ้นจอได้อย่างมีชีวิต มีวิญญาณจริงๆนั้น ทำให้หนังมีชีวิตเป็นของตนเองโดยไม่ต้องไปสนใจว่า ผู้ชมจะเคยพบเคยเจอเรื่องราวแบบนี้ที่ไหนมาก่อนหรือไม่

 

 

หนังเป็นเจ้าของฉากสำคัญที่อธิบายเรื่องราวหลักของ Open Range ได้เลยทันที นั่นเป็นฉากที่ดูวัลกับคอสต์เนอร์เหม่อมองดินแดนตะวันตกที่พวกเขายืนอยู่ (กับโลเกชั่นที่แคนาดาที่งดงามสุดบรรยาย) ซึ่งกว้างใหญ่ไพศาล , บริสุทธิ์ และไม่มีใครเป็นเจ้าของ พร้อมกับแสดงความชื่นชมแแกมาว่า ไม่มีอะไรจะสวยงามไปกว่าที่เห็นนี้อีกแล้ว ก่อนที่จะมีใครคนใดคนหนึ่งพูดต่อ “ถ้ามันง่ายอย่างนั้นก็ดีนะสิ หนังใหม่

 

ใช่ . . ไม่ว่าจะเป็นยุคสุดท้ายของชีวิตคาวบอย หรือว่ายุคสมัยไหนๆ ยังไงก็ต้องมีคนที่พยายามจะแสดงตัวเป็นใหญ่อยู่ดี และการต้องการ “อำนาจ” เพื่อที่จะงัดมันออกมาใช้เพื่ออวดใครๆ ก็เป็นที่มาของการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของมนุษย์เราได้เสมอ . .หนังมาพร้อมแคแรคเตอร์พระเอก . . ดูวัลกับคอสต์เนอร์ , ผู้ร้าย . . นายทุน กับเจ้าหน้าที่คอรัปชั่นของรัฐ (ไมเคิลแกมบอน กับเจมส์ รุสโซ่) , ผู้ช่วยพระเอก ซึ่งก็หมายถึงชาวบ้านที่ยอมทนกับการถูกกดขี่อยู่นาน และทันทีที่มีโอกาสที่จะได้รับการ

 

 

ปลดปล่อย พวกเขาก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมือ และนางเอก ซึ่งมองเห็นความเป็นวีรบุรุษอยู่ในตัวของพระเอกเสมอ ไม่ว่าเขาจะรู้สึกไม่มั่นใจในความเป็นฮีโร่ของตัวเองมากน้อยแค่ไหนก็ตาม . . .ทั้งหมดนี้ อาจจะเป็นประเด็นเก่าๆที่ผู้ชมเคยชินกันอยู่ก็จริง แต่ถ้าหนังจะเต็มไปด้วยอารมณ์ละเมียดละไมอย่างที่เห็น สาเหตุก็น่าจะเป็นเพราะการกำกับที่มาพร้อมกับความพอดี และรู้จังหวะหนังของคอสต์เนอร์ ที่ช่วยให้หนังเดินหน้าไป เรื่อย ๆ แต่ทว่า

รีวิว Open Range (2003) จอมคนพลิกปฐพี

หนักแน่น และค่อยๆเพิ่มระดับความกดดัน ขึงขังขึ้น และทันทีที่ถึงฉากยิงสนั่น ซึ่งเป็นฉากสำคัญที่ดึงทุกแคแรคเตอร์ที่หนังมีให้ออกมาเกี่ยวข้อง ไม่เว้นแม้กระทั่งกลุ่มชาวบ้าน .+ฉากที่กินเวลาฉากนี้ถึงได้เป็นฉากที่ทรงพลังที่สุดของ Open Range อย่างที่เห็น . . และไม่เพียงแต่ฉากแอ็คชั่นที่ทำได้ดี ฉากประทับใจของคอสต์เนอร์กับเบนนิ่ง และดูวัล ทั้งกับคอสต์เนอร์และดีเอโก้ ลูน่า ซึ่งเล่นเป็นคนงานที่ผูกพันราวกับลูกแท้ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นที่น่าจดจำ เพราะความพอดี และการซ่อนความลึกไว้ภายในการแสดงแต่น้อยด้วยกันทั้งนั้น ดูหนังฟรี

 

ตอนที่หนังเริ่มต้น และเน้นฉากวิวทิวทัศน์ที่มาพร้อมกับเสียงดนตรีประกอบที่ไม่ถึงกับประโคมอล่างฉ่าง แต่ว่าจงใจสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมนั้น . . ใจผู้เขียนตอนนั้นคิดไปไกลแล้วว่า เอาแน่แล้ว Open Range คงจะเสียคะแนนเพราะความมากเกินไป และความจงใจที่มักจะเป็นองค์ประกอบของผลงานของคอสต์เนอร์เรื่องก่อนๆที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นทั้งงานกำกับ หรือว่านักแสดง . .

 

แต่สุดท้ายด้วยความรู้สึกพิเศษส่วนตัวที่คอสต์เนอร์มีต่อหนังแนวนี้ , งานกำกับและการแสดง รวมทั้งงานเทคนิคด้านอื่นๆ ก็ช่วยกันทำให้ Open Range ออกมาเป็นผลงานที่ดูดี และมีระดับชิ้นหนึ่งของหนังแนวคาวบอยตะวันตกนี้ . . .หนังมีอารมณ์ขันที่น่าจดจำอยู่ฉากหนึ่ง ที่เล่นมุขตลกเกี่ยวกับชุดน้ำชาในบ้านของนางเอกที่เล็กเกินกว่าที่มือใหญ่ๆของพระเอกจะหยิบจับ และเป็นเจ้าของฉากปิดท้าย ที่จับภาพไปที่ชุดน้ำชาที่สวยงาม และดูดีมีราคาชุดใหม่ที่วางอยู่ในบ้านที่เป็นวิมานรัก

 

 

ของพระเอกกับนางเอกในท้ายที่สุด . . ซึ่งกับความสวยงามล้ำค่าของชุดน้ำชาชุดนี้ สามารถมองย้อนกลับไปหมายถึงตัวหนัง Open Range ทั้งเรื่องได้เลยหนึ่งในหลายๆ วิธีที่ชาวตะวันตกกลายเป็นคนหัวเก่าก็คือ ตัวละครมีค่านิยมและปฏิบัติตามนั้น ภาพยนตร์แอคชั่นสมัยใหม่ได้เข้ามาแทนที่ค่านิยมด้วยความภักดีในทีม ตัวละครทำในสิ่งที่พวกเขาทำเพราะพวกเขาต้องการที่จะชนะและพวกเขาต้องการให้

 

อีกฝ่ายแพ้ ข้อความที่เป็นรากฐานของตะวันตกคลาสสิกส่วนใหญ่มาจากพระคัมภีร์: “ผู้ชายจะได้ประโยชน์อะไรถ้าเขาได้โลกทั้งใบ แต่สูญเสียจิตวิญญาณของเขา” ข้อความพื้นฐานของภาพยนตร์แอ็กชันสมัยใหม่ส่วนใหญ่มาจาก Vince Lombardi:”การชนะไม่ใช่ทุกอย่าง มันเป็นสิ่งเดียวเท่านั้น” “Open Range” ของเควิน คอสต์เนอร์ เป็นภาพยนตร์ตะวันตกที่ไม่สมบูรณ์แต่เกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งและสวยงาม ทำงานเป็นหลักเพราะเป็นการแสดงค่านิยมส่วนตัวของคาวบอยที่ชื่อบอส (โรเบิร์ต ดูวัล) ดูหนังออนไลน์

 

และพนักงานของเขา 10 ปี ชาร์ลี (คอสต์เนอร์) บอสไม่เชื่อในความรุนแรงที่ไม่จำเป็น และยินดีที่จะเสี่ยงชีวิตของตัวเองแทนที่จะฆ่าใครซักคนเพียงเพื่อความปลอดภัย ชาร์ลีเป็นนักฆ่าผู้เชี่ยวชาญในช่วงสงครามกลางเมืองและใช้เวลา 10 ปีภายใต้บอสที่พยายามทำให้ตัวละครของเขาเชื่อง บอสไม่ได้เป็นเพียงเพื่อนของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ปรึกษาของเขาและในแง่หนึ่งคือผู้นำทางจิตวิญญาณของเขา ชาร์ลีไม่เพียงทำงานร่วมกับเขา แต่ติดตามเขาในฐานะสาวกคนหนึ่ง

 

 

บอสเล็มหญ้าในทุ่งโล่ง กลุ่มของเขาประกอบด้วย Charley น้องชาย Mose (Abraham Benrubi) ตัวใหญ่และมีหนวดมีเครา และเด็ก Button (Diego Luna) ซึ่งบางครั้งชอบเล่นกับสุนัขมากกว่าทำงานของเขา พวกเขาหยุดอยู่นอกเมือง โมเซถูกส่งไปทำธุระ และเมื่อเขาไม่กลับมา ชายทั้งสองก็ขี่ตามเขาไปและพบว่าเขาอยู่ในคุก เมืองนี้บริหารงานโดยเจ้าของฟาร์มปศุสัตว์ชื่อแบ็กซ์เตอร์ (ไมเคิล แกมบอน) ซึ่งไม่ชอบคนกินหญ้าแบบอิสระเป็นพวกรุนแรง และเงินเดือนของเขารวมถึงแก๊งอันธพาลรับจ้าง

 

เมื่อชายทั้งสองปล่อยตัวโมเซและกลับไปที่ค่าย พวกเขาพบว่าเด็กคนนั้นมีรูปร่างไม่ดี เขาต้องไปพบแพทย์ นั่นหมายถึงการกลับไปที่เมือง และพวกเขาทั้งหมดรู้ว่าการกลับไปยังโดเมนของ Baxter คือการเสี่ยงตาย “นี่อาจหมายถึงการฆ่า” บอสกล่าว“ฉันไม่มีปัญหากับเรื่องนั้น” ชาร์ลีกล่าว คำบรรยายของหนังคือแม้ว่าทางของ Boss จะดีที่สุด เมื่อพบกับความชั่วร้ายที่แท้จริง ทางของ Charley ก็จำเป็น รีวิวหนัง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *